ความยากไร้ในถิ่นทุรกันดาร ทำให้ผู้ป่วยโรคต้อกระจกส่วนใหญ่ ไม่รู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไร และปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้ จนอาจเสี่ยงต่อการมองไม่เห็น วันนี้ รศ.พญ.จุฑาไล ตันฑเทิดธรรม ภาควิชาจักษุวิทยา มีรายละเอียดมาเล่าให้ฟัง
โรคต้อกระจก ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากการเสื่อมตามอายุ เพราะฉะนั้นเราจะพบผู้ที่เป็นต้อกระจกส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้สูงอายุ ที่อายุน้อยๆ ถ้าไม่ได้เกิดจากการเสื่อมตามอายุขัย ก็จะเกิดจากผู้นั้นเคยประสบอุบัติเหตุที่ตามาก่อน อาจเกิดจากแรงกระแทก หรือผู้ที่ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ ก็สามารถเป็นต้อกระจกได้ จากการใช้ยาบางชนิดเป็นเวลานาน เช่นรับประทานยาสเตียรอยด์ หรืออาจเป็นโรคภายในตาเรื้อรัง
ผู้ป่วยที่มีต้อกระจก จะมีอาการตามัวลงช้าๆ ลักษณะที่มัว จะมัวทั่วไปทั้งภาพ ไม่ใช่เฉพาะส่วนกลาง และไม่รู้สึกเจ็บหรือปวด ส่วนใหญ่อาการมัวจะใช้เวลาเป็นเดือนเป็นปี สำหรับผู้ป่วยที่เป็นต้อกระจกแล้ว ถ้าเป็นไม่มาก จะแนะนำว่า โรคนี้เป็นไปตามอายุขัย ยังไม่ต้องผ่าตัด แต่ถ้ามัวมากขึ้นจนรู้สึกว่ารบกวนการดำเนินชีวิตประจำวันแล้ว เราถึงแนะนำให้ผ่าตัด โดยเอาเลนส์ตาซึ่งขุ่นออก แล้วใส่เลนส์ตาเทียมเข้าไปแทนที่ ซึ่งหลังการผ่าตัดการมองเห็นจะดีขึ้น
อย่างไรก็ดี ปัญหาโรคต้อกระจกที่พบบ่อยในบ้านเรา โดยเฉพาะในถิ่นที่ห่างไกล ผู้ป่วยไม่รู้ว่าโรคนี้รักษาให้หายได้ หรือบางคนรู้ แต่ไม่สามารถมาพบแพทย์ได้ เนื่องจากฐานะยากจนหรือการเดินทางไม่สะดวก เพราะฉะนั้นการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ก็เพื่อให้ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษา ได้มีโอกาสผ่าตัด และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
หลังการผ่าตัดเราจะแนะนำผู้ป่วยให้ระวังเรื่องการติดเชื้อ เนื่องจากเวลาผ่าตัดจะมีแผล ซึ่งเชื้อโรคจะมีโอกาสเข้าไปในตาได้ เราจะแนะนำเรื่องการเช็ดหน้า การระวังน้ำไม่ให้เข้าตา ระวังพวกฝุ่นละออง เวลาออกนอกบ้านอาจใช้แว่นตากันฝุ่นกันลมในช่วงแรก และแนะนำการเช็ดตาหลังการผ่าตัด โดยทั่วไปประมาณ 2 สัปดาห์ ก็จะปลอดภัยเรื่องของเชื้อโรค จากนั้นก็จะนัดคนไข้มาตรวจเป็นระยะตามที่แพทย์นัด
การรักษาโรคต้อกระจก สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นได้เป็นปกติ และสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง
|