ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ได้แก่
- อายุ ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น
- เพศ เพศชายจะมีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตันได้มากกว่าเพศหญิง
- เชื้อชาติ พันธุกรรมบางชนิด เช่น กลุ่มอาการมาร์ฟาน (Marfan syndrome) จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเซาะตัวของหลอดเลือด ซึ่งนำไปสู่การตีบหรืออุดตันของหลอดเลือดสมองได้สูงกว่าบุคคลทั่วไป
ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ได้แก่
- ความดันโลหิตสูง ภาวะนี้จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง โดยมีความเสี่ยงประมาณ 3-17 เท่า ทั้งนี้แล้วแต่ระยะเวลาของโรค ความรุนแรง และการควบคุมความดัน
- โรคเบาหวาน
- การสูบบุหรี่ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตันเป็น 2 เท่า
- ภาวะไขมันในเลือดสูง
- โรคเลือดบางชนิด เช่น ภาวะเลือดข้นผิดปกติ เกล็ดเลือดสูง เม็ดเลือดขาวสูงผิดปกติ
- โรคหัวใจ รวมทั้งหัวใจวายและภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิด
- ขาดการออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ
- โรคอ้วน หรือภาวะน้ำหนักเกินหรือภาวะนอนกรน
- การดื่มแอลกอฮอล์ ในปริมาณมากกว่า 2 แก้ว ต่อวัน จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองแตก
- การใช้ยาเสพติด หรือยากระตุ้นบางชนิด
- ภาวะเครียด
ผู้ป่วยมักจะมีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวข้างต้นอยู่เป็นระยะเวลานานก่อนเกิดอาการของโรคหลอดเลือดสมอง สำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวหลายข้อจะมีผลทำให้ความเสี่ยงสูงขึ้นแบบทวีคูณ ดังนั้น การลดปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้โดยเร็วและสม่ำเสมอ จะเพิ่มโอกาสในการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้มากขึ้น ปัจจัยเสี่ยงที่กล่าวมานี้ส่วนใหญ่สามารถแก้ไขได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการใช้ยา
ระดับไขมันในเลือดมีผลต่อโรคหลอดเลือดสมองอย่างไร
จากการศึกษาพบว่า ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง คือ
- - ระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูง
- - ระดับไขมันความหนาแน่นต่ำ (LDL cholesterol) ในเลือดสูง
- - ระดับไขมันความหนาแน่นสูง (HDL cholesterol) ในเลือดต่ำ
แต่ระดับไขมันในเลือดที่ต่ำเกินไปก็ไม่ใช่ว่าจะดีเสมอไป เนื่องจากข้อมูลทางด้านระบาดวิทยาพบว่าในผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดต่ำ อาจพบภาวะเลือดออกในสมองได้บ่อยกว่าคนทั่วไป อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์นี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ชัดเจน