ออกอากาศ : วันที่ 22 เมษายน 2550 เวลา 13.50 น. (โดยประมาณ) ณ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 |
เรื่อง:
|
ทำไมต้องตรวจเลือดตรวจปัสสาวะ |
บทคัดย่อ:
|
ปัจจุบัน โรคบางชนิดสามารถป้องกันได้หากตรวจพบแต่เบื้องต้น โดยเฉพาะการตรวจเลือด และแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง รศ.ดร.พญ. นิศารัตน์ โอภาสเกียรติกุล อธิบายว่า การเตรียมตัวก่อนไปตรวจเลือดนั้น ควรพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หักโหมจนเกินไป และสำหรับการตรวจบางอย่างจำเป็นต้องงดอาหาร 8-12 ชั่วโมงก่อนเจาะเลือด แต่ดื่มน้ำเปล่าได้ การเจาะเลือดแต่ละครั้งจะใช้เลือดประมาณ 8 -10 ซีซี ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณเลือดในร่างกาย ดังนั้นจึงไม่มี ผลเสียต่อร่างกาย ผลจากการตรวจเลือดจะทำให้สามารถช่วยวินิจฉัยโรคเลือดได้ เช่น ธาลัสซีเมีย ลิวคีเมีย ตรวจสมรรถภาพของตับ ไต ตรวจระดับไขมันในเลือด น้ำตาลในเลือด ปริมาณฮอร์โมน ช่วยวินิจฉัยโรคของต่อมไร้ท่อ โรคติดเชื้อทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราและไวรัส นอกจากนี้ยังมีการตรวจพิเศษอีกหลายชนิดขึ้นอยู่กับแพทย์จะพิจารณา หลังจากเจาะเลือดแล้ว ส่วนใหญ่จะทราบผลภายใน 1 ชั่วโมง แต่ในกรณีที่เป็นการตรวจพิเศษอาจต้องใช้เวลามากขึ้น สำหรับผู้ที่มีประวัติเจ็บหน้าอก การตรวจร่างกาย ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ร่วมกับการตรวจเลือดก็จะช่วยวินิจฉัยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายในเวลาไม่นานและยังช่วยแยกโรคที่มีอาการใกล้เคียงกัน ทำให้แพทย์รักษาผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้นด้วย สำหรับการตรวจปัสสาวะนั้น จะช่วยบอกถึงความผิดปกติของไต และระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ไตวาย การอักเสบติดเชื้อนิ่ว เป็นต้น และเรายังสามารถตรวจหาน้ำตาลและน้ำดีในปัสสาวะได้ด้วยการเตรียมตัวก่อนไปตรวจปัสสาวะนั้น ควรเก็บปัสสาวะที่ถ่ายหลังตื่นนอนตอนเช้าเพราะจะมีความเข้มข้น และควรถ่ายปัสสาวะทิ้งไปเล็กน้อยก่อนแล้วค่อยเก็บใส่ภาชนะ เพื่อลดการปนเปื้อนของเซลล์ต่าง ๆ บริเวณส่วนต้นของท่อปัสสาวะ สำหรับสตรีขณะที่มีรอบเดือนไม่ควรตรวจปัสสาวะเพราะอาจได้ผลที่ผิดพลาดได้ |
|
กลับสู่หน้ารายการโทรทัศน์พบหมอศิริราช
|