ออกอากาศ : วันที่ 5 มิถุนายน 2548 เวลา 13.50 น. (โดยประมาณ) ณ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 |
เรื่อง:
|
ไข้เลือดออก |
บทคัดย่อ:
|
หากพบว่าเด็กมีอาการไข้ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ปวดท้อง หน้าแดง ๆ หรือมีผื่นออกตามตัว ให้สงสัยว่าจะเป็นไข้เลือดออกเสมอโดยเฉพาะในช่วงใกล้หน้าฝน เพราะยุงลายเริ่มแพร่พันธุ์ อ.พญ.วนัทปรียา พงษ์สามารถ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ อธิบายว่า โดยทั่วไปหลังจากถูกยุงลายกัด 5-8 วัน เด็กอาจมีอาการป่วยได้ตั้งแต่น้อยไปจนถึงมาก ส่วนใหญ่อาการจะมีไข้ขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว 3-7 วัน หน้าแดง ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามตัว อาจมีผื่นเล็กน้อย 2-3 วันก็หายดี บางรายอาการมาก อาจปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูกค่อนข้างมาก อาจมีจุดเลือดออกได้ และเพลียอยู่หลายวัน ไข้เลือดออกที่มีอาการหนักจะมีอาการเริ่มต้นดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เป็นอยู่ 3-5 วันจึงเข้าสู่ระยะวิกฤต ซึ่งไข้จะเริ่มลงพร้อมกับมีการรั่วของพลาสมาทำให้เกิดอาการช็อก และอาจมีเลือดออกตามอวัยวะต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่ระยะช็อกจะกินเวลาประมาณ 1-2 วัน จากนั้นจะเข้าสู่ระยะฟื้นตัว ซึ่งผู้ป่วยจะเริ่มรับประทาน อาหารได้ อาจมีผื่นเป็นวงสีขาวบนพื้นสีแดงที่ขา ปลายเท้า ปลายมือ และมีอาการคัน หากเด็กที่เป็นไข้เลือดออกรับประทานอาหารและน้ำได้ หรือมาพบแพทย์ตั้งแต่เริ่มต้นจะได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ก็จะสามารถทำให้ผู้ป่วยผ่านพ้นระยะวิกฤตไปได้โดยไม่มีอาการรุนแรง สำหรับการรักษานั้น ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาที่จำเพาะแพทย์จะรักษาตามอาการยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก มีเพียงวิธีป้องกันคือ ต้องระวังอย่าให้ยุงกัดในตอนกลางวันซึ่งป้องกันได้ด้วยการนอนกางมุ้ง และกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย อย่าให้มีน้ำขังในภาชนะต่าง ๆ ควรปิดฝาโอ่งหรือภาชนะใส่น้ำให้มิดชิด หากสงสัยว่าเป็นไข้ และไม่แน่ใจว่าเป็นไข้เลือดออก ข้อแนะนำเบื้องต้นสำหรับผู้ปกครองคือ สามารถให้ยาลดไข้พาราเซทตามอล ห้ามใช้ยาลดไข้ที่มีส่วนผสมของแอสไพริน หรือยาตราหัวสิงห์ หรือ Junifen เพราะอาจทำให้เลือดออกในทางเดินอาหารได้และควรนำผู้ป่วยไปพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง |
|
กลับสู่หน้ารายการโทรทัศน์พบหมอศิริราช
|