ออกอากาศ : วันที่ 10 มกราคม 2559  เวลา 13.50 น. (โดยประมาณ) ณ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
เรื่อง: วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
บทคัดย่อ:

        วัคซีนป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกเป็นอย่างไร มีประสิทธิภาพขนาดไหน สามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกในสตรีได้จริงหรือไม่ พบกับ ศ.พญ.กุญกัญญา โชคไพบูลย์กิจ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ จะมาให้ความรู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ

โรคมะเร็งปากมดลูกสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papiloma Virus) ซึ่งติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น และในปัจจุบันได้มีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ได้แล้ว ดังนั้น ผู้หญิงทุกคนที่ยังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ ควรได้รับพิจารณาให้ได้รับวัคซีนตัวนี้ ซึ่งขึ้นทะเบียนให้ใช้ในเด็ก ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จนกระทั่งถึงผู้ใหญ่อายุ 26 ปี ในการฉีดวัคซีนถ้าฉีดก่อนอายุ 15 ปีฉีดเพียง 2 เข็ม คือห่างกัน 6 เดือน แต่ถ้าฉีดหลังอายุ 15 ปีต้องฉีด 3 เข็ม ถ้าฉีดวัคซีนก่อนมีเพศสัมพันธ์วัคซีนนี้จะมีประสิทธิภาพป้องกันได้ดีที่สุด แต่ผู้ใหญ่ที่มีเพศสัมพันธ์มีความประสงค์จะฉีดวัคซีนก็สามารถฉีดได้ แต่ประสิทธิภาพอาจจะลดลงไป ได้ผลดีไม่เท่ากับผู้ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนอาจมีอาการปวดบวมแดงร้อนบริเวณที่ฉีด เจ็บ มีไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนไม่มีอันตรายใดๆ 

แม้ว่าวัคซีนป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกจะมีประสิทธิภาพป้องกันได้สูงประมาณ 70 - 80% แต่ต้องป้องกันวิธีอื่นควบคู่ไปด้วย ได้แก่ การไม่มีเพศสัมพันธ์ เป็นวิธีป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ HPV เลย แม้แต่การใช้ถุงยางอนามัยก็ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้ และการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap Smear) เพราะเมื่อร่างกายได้รับเชื้อไวรัส HPV เข้าไปแล้ว เชื้อไวรัสจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเซลล์ของปากมดลูกกลายเข้าสู่ระยะมะเร็ง ดังนั้นหากเรามีการตรวจพบระยะที่เซลล์มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว เราไปจี้ทำลายรอยโรคตรงนั้นก่อนที่จะกลายไปเป็นมะเร็ง ก็จะสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งได้ วิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีที่ได้ผลดี

ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้วางแผนที่จะให้วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกกับเด็กผู้หญิง ป.5 ทุกคน โดยจะเริ่มฉีดในปีหน้า อย่างไรก็ดี วัคซีนนี้มีความสำคัญมาก ดังนั้นเด็กตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไปควรได้รับวัคซีนนี้ แม้ว่าจะอยู่นอกเหนือโครงการที่จะจัดสรรวัคซีนฟรีให้โดยกระทรวงสาธารณสุขก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ก็ควรพามาฉีดวัคซีน ในปัจจุบันนี้โรงเรียนต่าง ๆ เห็นความสำคัญมากขึ้น เริ่มมีโครงการให้เด็กวัยรุ่นได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ด้วย

กลับสู่หน้ารายการโทรทัศน์พบหมอศิริราช