ออกอากาศ : วันที่ 2 สิงหาคม 2558  เวลา 13.50 น. (โดยประมาณ) ณ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
เรื่อง: เมื่อเบาหวานชนิดที่ 1 รุกราน
บทคัดย่อ:

         รู้มั้ย ?…“เบาหวานไม่ได้เป็นโรคที่เกิดกับผู้ใหญ่เท่านั้น  เด็กและวัยรุ่นก็เป็นเบาหวานได้”พญ.ลักขณา  ปรีชาสุข  ศูนย์เบาหวานศิริราช” แนะวิธีรับมืออยู่กับเบาหวานอย่างปลอดภัย

โรคเบาหวาน อดีตเป็นโรคที่เรื้อรัง เนื่องจากร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง  โดยปกติเวลาเรารับประทานอาหารเข้าไป สารอาหารจะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลและร่างกายจะนำน้ำตาลไปใช้ให้เกิดพลังงาน โดยการนำเข้าไปในเซลล์หรือหน่วยเล็ก ๆ ของร่างกายเพื่อเอาไปเผาผลาญ สารเคมีหรือฮอร์โมนที่ทำหน้าที่เอาน้ำตาลเข้าเซลล์ คือ ฮอร์โมนอินสูลิน (Insulin) ที่สร้างและหลั่งมาจากตับอ่อน แต่ปัจจุบัน เป็นเพียงโรคประจำตัวที่เมื่อผู้เป็นเบาหวานสามารถจัดการตนเองให้ ควบคุมระดับน้ำตาลที่ใกล้เคียงปกติ สามารถ ดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข

ในผู้ป่วยเบาหวาน เมื่อรับประทานอาหารเข้าไป ร่างกายจะไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้ เนื่องจากร่างกายขาดอินสูลินหรืออินสูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดี จึงเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง และผลที่ตามมาคือ “โรคเบาหวาน” กล่าวคือ ผู้ป่วยจะปัสสาวะบ่อย มีน้ำตาลออกมาในปัสสาวะ และหากมีอาการรุนแรง ร่างกายจะสลายไขมันมาใช้เป็นพลังงานแทนน้ำตาล สารที่ได้เรียกว่า “กรดคีโตน” ทำให้มีอาการหายใจหอบลึก และอาจทำให้ระบบการหายใจล้มเหลวได้

อย่างไรก็ดี ชนิดของ เบาหวานในเด็กและวัยรุ่น มีชนิดย่อยหลายชนิด แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ เบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 DM) พบได้ประมาณ ร้อยละ 70-80 ของเบาหวานในเด็กและวัยรุ่น อายุ น้อยกว่า 15ปี เบาหวานชนิดที่ 1 ในประเทศไทย จากข้อมูลล่าสุดมี ประมาณ 3 %ของผู้ป่วยเบาหวานทั่วประเทศ มีสาเหตุเกิดจากการที่ร่างกายมีปฏิกิริยาต่อต้านเซลล์ของตับอ่อนที่ทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน ทำให้ไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ (ร่างกายขาดอินซูลิน) เมื่อแรกพบผู้ป่วยมักจะมีอาการน้ำหนักลด ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ บางรายรุนแรงมีกรดคั่งในเลือด

              สาเหตุที่ตับอ่อนถูกทำลาย ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่จากหลักฐานทางการแพทย์คาดว่า เกิดจากปัจจัยทางกรรมพันธุ์ การติดเชื้อบางอย่างเป็นตัวกระตุ้น  

การรักษาโดยการฉีดฮอร์โมนอินซูลินเข้าผิวหนัง วันละ 2-4 ครั้งและจัดการอาหารในแต่ละมื้อให้สมดุลกับยาฉีดอินซูลิน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการรักษาที่ทำให้หายขาดและยังไม่พบวิธีที่จะป้องกัน แพทย์และนักวิจัยต่างพยายามหาวิธีป้องกันในเด็กที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กที่มีพี่น้องป่วยเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 และวิธีการรักษาโดยการปลูกถ่ายเซลล์ตับอ่อน  ซึ่งยังต้องติดตามผลการวิจัยต่อไป

             เมื่อใดควรมาพบแพทย์เป็นคำถามที่ดี  ถ้าบุตรหลานของท่านมีอาการผิดปกติที่น่าสงสัยว่าอาจเป็นเบาหวานเช่น ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำกินจุ ผอมลงปัสสาวะมีมดตอมเป็นแผลหายช้าติดเชื้อที่ผิวหนัง  หรือมีประวัติสมาชิกในครอบครัวเป็นเบาหวาน  หรือมีปื้นดำที่คอ ควรพาเด็กมาพบกุมารแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย

             วิธีการตรวจหาเบาหวานจะตรวจจากเลือด ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร (อย่างน้อย 8 ชั่วโมง) มากกว่า หรือเท่ากับ 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ถือว่าเป็น “เบาหวาน” หรือถ้าระดับน้ำตาลหลังอาหาร หรือ หลังกินน้ำตาล (ตามแพทย์สั่ง) เป็นเวลา 2 ชั่วโมง มากกว่าหรือเท่ากับ 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ก็ถือว่าเป็นเบาหวานเช่นกัน ลองสังเกตดูนะคะว่า บุตรหลานของท่านมีปัจจัยเสี่ยง หรืออาการที่เข้าได้กับเบาหวานหรือไม่ ถ้ามีควรมารับการตรวจวินิจฉัยจากกุมารแพทย์ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางไต ตา และหลอดเลือดในอนาคตค่ะ

กลับสู่หน้ารายการโทรทัศน์พบหมอศิริราช