โรคตาแดงมักมากับหน้าฝน ยิ่งช่วงนี้ฝนตกไม่เว้นแต่ละวัน จึงมีหลายพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง ทำให้โรคตาแดงระบาดหนัก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เชื้อไวรัส adenovirus ที่เป็นตัวการก่อโรคตาแดง ศ.พญ.ละอองศรี อัชชนียะสกุล ภาควิชาจักษุวิทยา มีความรู้พร้อมคำแนะนำมาฝากค่ะ
โรคตาแดง พบได้ทุกเพศ ทุกวัย และมักระบาดในสถานที่ที่มีผู้คนอยู่รวมกันหนาแน่น โดยการสัมผัสขี้ตาหรือน้ำตาของผู้ป่วยโดยตรง การใช้ของใช้ร่วมกัน หรือการไอ จาม หายใจรดกัน หลังจากได้รับเชื้อแล้วภายใน 2 - 14 วัน จะเกิดอาการเคืองตา น้ำตาไหล ขี้ตามาก เปลือกตาบวม ต่อมน้ำเหลืองหน้าหูโต เยื่อตาจะค่อย ๆ แดงขึ้นเรื่อย ๆ จนแดงก่ำ บางรายอาจพบการบวมของเยื่อตาเป็นลักษณะบวมน้ำใส ๆ หากพลิกดูบริเวณเปลือกตาด้านในจะพบลักษณะเป็นเม็ดใส ๆ กระจายอยู่ทั่วไป มักเริ่มจากตาข้างหนึ่งแล้วลามไปยังตาอีกข้างภายใน 2-3 วัน บางรายอาจมีการอักเสบของกระจกตาร่วมด้วย เนื่องจากเชื้อไวรัสลามไปที่กระจกตาหรือมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ผู้ป่วยจะมีอาการปวดตาและสายตามัวลง หรือเห็นแสงรบกวน และมีน้อยรายที่โรคอาจรุนแรงจนเกิดเป็นพังผืดดึงรั้งที่เยื่อตาได้
โรคตาแดงเป็นโรคที่หายเองได้ ส่วนใหญ่อาการจะหายไปเองภายใน 1-3 สัปดาห์ โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน แต่เนื่องจากความรุนแรงของโรคตาแดงมีได้หลายระดับ ผู้ที่มีอาการทุกรายจึงควรได้รับการตรวจตาโดยจักษุแพทย์ตั้งแต่เริ่มมีอาการ
เนื่องจากโรคตาแดงติดต่อกันได้ง่ายมาก จึงต้องป้องกันไม่ให้โรคแพร่กระจายจากตนเองไปสู่ผู้อื่น โดยหยุดพักการเรียนหรือพักงานอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ไม่อยู่ในที่ชุมชน ใช้กระดาษนุ่มซับน้ำตาหรือใช้สำลีชุบน้ำสะอาดเช็ดขี้ตาและบริเวณเปลือกตา แล้วทิ้งในถังขยะที่มิดชิด ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้ที่เป็นโรคตาแดง เนื่องจากเชื้อจะถูกเก็บสะสมไว้และติดต่อไปยังผู้อื่นได้ ไม่ควรใช้ผ้าปิดตาเพราะจะยิ่งทำให้เกิดการติดเชื้อมากขึ้น ใส่แว่นกันแดดเพื่อลดการระคายเคืองแสง งดใส่คอนแทคเลนส์จนกว่า ตาจะหายอักเสบ พักผ่อนให้เต็มที่และพักการใช้สายตา เหนือสิ่งใดสำคัญที่ ต้องหมั่นล้างมือให้สะอาดทุกครั้งที่จับบริเวณใบหน้าและตา เนื่องจากเชื้อไวรัสติดต่อโดยการสัมผัสมากที่สุด การล้างมือจะช่วยตัดการแพร่กระจายเชื้อได้อย่างดี |