ออกอากาศ : วันที่ 14 กรกฎาคม 2556  เวลา 13.50 น. (โดยประมาณ) ณ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
เรื่อง: ต้อหินจากเบาหวาน
บทคัดย่อ:

         ผู้ที่เป็นเบาหวานทราบหรือไม่ว่า จะเสี่ยงต่อการเป็นต้อหินมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว และถ้าไม่ได้รับการตรวจจาก จักษุแพทย์ อาจมีโอกาสตาบอดถาวรได้ รศ.นพ.นริศ กิจณรงค์ ภาควิชาจักษุวิทยา กล่าวว่าในผู้ป่วยที่ เป็นเบาหวาน และไม่เคยรับการตรวจจอประสาทตาจากจักษุแพทย์ อาจเกิดภาวะเบาหวานขึ้นจอตาได้ เนื่องจาก เบาหวานทำให้เส้นเลือดที่จอตาผิดปกติทีละน้อยๆ จนจอตาบวม มีเลือดออกที่จอตา หรือวุ้นตา ส่งผลให้เกิดอาการ ตามัวและอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนทางตา เช่น ต้อหินได้ ซึ่งอันตรายอยู่ที่เส้นประสาทตาจะถูกทำลาย โดย  ความดันลูกตาเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากที่สุด ซึ่งความดันลูกตาจะถูกควบคุมด้วยระบบไหลเวียนของน้ำ หล่อเลี้ยงภายในลูกตา หากภาวะสมดุลระหว่างการสร้างน้ำหล่อเลี้ยงและการระบายน้ำออกจากลูกตาเสียไป จะทำ ให้ความดันลูกตาสูง เกิดภาวะต้อหิน ซึ่งในระยะแรกอาจไม่พบความผิดปกติใดๆ ต่อมาตาจะค่อยๆ มัวลง และยิ่งเป็นผู้ป่วยเบาหวานที่มีเบาหวานขึ้นตาด้วยแล้ว หากปล่อยทิ้งไว้จนมีภาวะต้อหินแทรกซ้อน ก็จะตามัว มากขึ้น   ปวดตา  ตาแดง  และอาจทำให้ตาบอดได้ในที่สุด 

       อย่างไรก็ดี การวินิจฉัยภาวะต้อหินจากเบาหวาน จะเริ่มจากวัดการมองเห็นว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่    ตรวจวัดความดันลูกตา ซึ่งเป็นการตรวจที่สำคัญมากในการวินิจฉัยต้อหิน รวมถึงตรวจจอตาและขั้วประสาทตา ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อการเป็นต้อหิน   

         จะว่าไปแล้ว การรักษาต้อหินจากเบาหวาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา  ฉายแสงเลเซอร์ หรือแม้กระทั่งการผ่าตัด  มักไม่ค่อยได้ผล  เป็นแค่เพียงบรรเทาอาการ ไม่สามารถแก้ไขให้สายตากลับมาเป็นปกติได้ แต่สามารถยับยั้งไม่ให้ อาการรุนแรงขึ้นได้ ทางที่ดีที่สุดคือ การป้องกันไม่ให้เบาหวานขึ้นจอตา โดยผู้ป่วยเบาหวานจะต้องควบคุมระดับ น้ำตาลในเลือด และควบคุมค่าความดันลูกตาให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ รวมถึงรับการตรวจจอตาโดยจักษุแพทย์ เป็นประจำทุกปี 

กลับสู่หน้ารายการโทรทัศน์พบหมอศิริราช