ปัจจุบันเด็กกับคอมพิวเตอร์และการเล่นเกม ดูจะเป็นของคู่กัน ที่นับวันจะแยกกันยาก รศ.นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ เล่าว่า ปัญหานี้พ่อแม่หรือผู้ปกครองสามารถช่วยแก้ไขได้ โดยไม่ทำสิ่งเหล่านี้
1. ไม่ตั้งกติกาก่อนซื้ออุปกรณ์เล่นเกมให้ การที่ผู้ปกครองซื้ออุปกรณ์เล่นเกมให้ลูก โดยไม่ได้มีการตั้งกติกาการเล่นเอาไว้ล่วงหน้า เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ผู้ปกครองควรมีการสร้างกติการ่วมกันกับเด็กก่อนว่า เด็กสามารถเล่นเกมได้แค่ไหน ก่อนจะเล่นจะต้องรับผิดชอบทำการบ้านให้เสร็จ หากไม่รักษากติกาจะต้องถูกทำโทษอย่างไร (แนะนำให้ใช้วิธีงดเกมหรือลดเวลาในการเล่นเกมลง) จะเป็นการยากมากที่จะมาตั้งกติกากันภายหลังจากที่ปัญหาเกิดขึ้นแล้ว
2. ใช้เกมเป็นเสมือนพี่เลี้ยงเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองที่งานยุ่งอาจจะคิดว่าการให้เด็กอยู่บ้านเล่นเกม หรือไปอยู่ร้านเกมน่าจะปลอดภัย ตัวเองจะได้มีเวลาส่วนตัวเพื่อไปทำอย่างอื่น ขอบอกว่าความคิดนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง หลายครอบครัวกว่าที่พ่อแม่จะรู้ตัว ลูกก็ติดเกมงอมแงมไปเสียแล้ว
3. ดีแต่บ่น แต่ไม่เคยเอาจริง นอกจากจะไม่ค่อยได้ผลแล้ว ยังทำให้ลูกเกิดความรู้สึกว่า “บ่นอีกแล้ว...รำคาญ” ถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ จะทำให้ลูกไม่อยากคุยและไม่อยากเจอหน้าพ่อแม่ เพราะคิดว่าจะต้องโดนดุ การพูดน้อยแต่ทำจริงตามกติกาที่ตกลงกันไว้เป็นวิธีที่ได้ผลดีกว่าเสมอครับ
4. ใจอ่อน ธรรมชาติของเด็กมักจะชอบต่อรองกับพ่อแม่เสมอเมื่อหมดเวลาเล่น ซึ่งพอต่อรองได้ครั้งหนึ่งก็มักจะมีครั้งต่อๆ ไป เพราะเด็กรู้ว่าพ่อแม่ไม่เอาจริง การใจอ่อนอย่างนี้ไม่ได้มีผลเสียต่อการเล่นเกมเท่านั้น แต่จะมีผลต่อกฎเกณฑ์ทุกอย่างในบ้าน
5. ไม่เสมอต้นเสมอปลาย คุณอาจเคร่งครัดต่อกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้ได้ แต่ก็เป็นแค่ชั่วครั้งชั่วคราว สุดท้ายแล้วกฎเกณฑ์เหล่านั้นก็จะไร้ความหมาย ไม่ต่างกับการใจอ่อนยอมให้ทุกครั้งเลยครับ
6. ความขัดแย้งกันเองระหว่างผู้ปกครอง เมื่อลูกขอเล่นเกม คุณแม่อาจจะไม่ให้ แต่คุณพ่ออาจตามใจ เวลาเกิดความขัดแย้งกันอย่างนี้ เด็กๆ ก็มักเลือกเข้าข้างฝ่ายที่ให้ประโยชน์กับเขามากที่สุด ซึ่งอาจพัฒนากลายเป็นปัญหาความสัมพันธ์ได้ ในเรื่องนี้พ่อแม่ควรมีจุดยืนร่วมกันนะครับ ว่าจะวางกฎกติกาของบ้านอย่างไร และตัวเด็ก เองก็ต้องมีส่วนร่วมในการวางกฎกติกาด้วย
7. ละเลยการทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว หลายครอบครัวที่มีลูกติดเกม พบว่ามักจะเป็นครอบครัวที่พ่อ แม่ ลูกอยู่กันคนละทิศละทาง ต่างคนต่างอยู่ ไม่ค่อยได้มีการทำกิจกรรมสนุกสนานด้วยกัน ดังนั้นพ่อแม่ควรส่งเสริมให้ลูกมีกิจกรรมทำยามว่าง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ลูกชอบ และสามารถร่วมทำกันได้ทั้งครอบครัว เพื่อเป็นการสานความสัมพันธ์อันดีระหว่างพ่อ แม่ ลูก
|