“ว่าไปแล้วสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิด เป็นความหวังของการรักษาโรคที่ชาวโลกต่างรอคอยความสำเร็จในการพบ วิธีการเก็บสเต็มเซลล์จากน้ำคร่ำที่เหมาะจะใช้ปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วย โดยไม่กังวลเรื่องความบริสุทธิ์กับการเกิดก้อนเนื้องอกในภายหลัง ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกของโลกและเป็นความหวังที่ใกล้ความจริงสำหรับการรักษาโรคในอนาคตค่ะ” ดร.ทัศนีย์ เพิ่มไทย หัวหน้าคณะวิจัยภาควิชาสูติศาสตร์ – นรีเวชวิทยา กล่าว
สเต็มเซลล์ชนิดนี้มีคุณสมบัติที่พิเศษกว่าสเต็มเซลล์ตัวเต็มวัยชนิดอื่น ที่นอกจากสามารถเปลี่ยนไปเป็นเซลล์ร่างกายได้หลายชนิดแล้ว ยังสามารถแบ่งเซลล์ได้ดีมากจากหนึ่งเซลล์เป็นหลายแสนล้านเซลล์โดยใช้เวลาไม่นาน และยังมีข้อดีที่เซลล์มีความอ่อนวัยมากจึงไม่แสดงภูมิคุ้มกันที่ชัดเจน ซึ่งจะทำให้ไม่มีปัญหาการต่อต้านและปฏิเสธจากร่างกาย เมื่อนำสเต็มเซลล์ชนิดนี้ไปใช้ปลูกถ่ายรักษาโรคให้แก่ผู้อื่น
การแยกสเต็มเซลล์บริสุทธิ์จากน้ำคร่ำนี้ จะใช้น้ำคร่ำจากหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือน ที่ต้องเจาะเก็บน้ำคร่ำเพื่อตรวจโครโมโซมดูความปกติของทารกในครรภ์อยู่แล้ว ซึ่งช่วงอายุครรภ์ดังกล่าว เป็นช่วงที่มีความปลอดภัยสูงและมีน้ำคร่ำมากพอ โดยการคัดแยกสเต็มเซลล์นั้นจะใช้น้ำคร่ำในปริมาณเพียง 1-2 มิลลิลิตรเท่านั้น อย่างไรก็ดีน้ำคร่ำจะมีเซลล์หลายชนิดลอยปะปนอยู่จำนวนมาก แต่จะพบสเต็มเซลล์อยู่เพียง 0.1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ข้อดีของกรรมวิธีการคัดแยกสเต็มเซลล์จากน้ำคร่ำด้วยวิธีนี้ คือ การใช้หลักความเข้าใจพื้นฐานด้านเซลล์วิทยามาพัฒนา เป็นวิธีการที่ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีและเครื่องมือราคาแพงจากต่างประเทศ แต่สามารถได้สเต็มเซลล์คุณภาพดี มีความบริสุทธิ์สูง และได้ปริมาณที่เพียงพอในเวลาอันสั้น โดยจะทำการเลือกสเต็มเซลล์คุณภาพดีทีสุดเพียงหนึ่งเซลล์มาใช้เป็นเซลล์เริ่มต้น ซึ่งจะได้ภายใน 3 วันแรก จากนั้นเพาะเลี้ยงจากหนึ่งเซลล์ให้เพิ่มขึ้นเป็นแสนล้านเซลล์ โดยใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ การจัดหาสเต็มเซลล์คุณภาพดีได้อย่างไม่จำกัดและใช้เวลาเพียงสั้นๆ นี้ จะเป็นผลดีต่อการค้นคว้าวิจัยต่อยอดและสำหรับการนำมาใช้รักษาคนไข้ในอนาคต เพราะการนำสเต็มเซลล์มาใช้เพื่อรักษาโรคนั้นต้องใช้สเต็มเซลล์จำนวนไม่น้อยกว่า 10 ล้านเซลล์ในแต่ละครั้ง
ทั้งนี้ศิริราชมีแนวคิดใช้สเต็มเซลล์เพื่อการรักษาในหลายโรค โดยขณะนี้กำลังวิจัยคิดค้นเพื่อใช้รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม โดยศึกษาทดลองใช้รักษาในสัตว์ทดลองที่เป็นโรคดังกล่าว ซึ่งหากพบว่าได้ผลดี จะทำการทดลองในคนต่อไป คาดว่าภายใน 1 ปี น่าจะเห็นผลการทดลอง อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถคาดเดาผลการทดลองได้ 100 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้กำลังศึกษาวิจัยหาวิธีการเลี้ยงสเต็มเซลล์ให้บริสุทธิ์จากโปรตีนสัตว์ เพื่อแก้ปัญหาการปฏิเสธเซลล์ที่พบ เนื่องจากปัจจุบันนี้อาหารเลี้ยงเซลล์ที่ใช้กันอยู่ทั่วโลกมีส่วนผสมจากเลือดลูกวัวในท้องแม่วัว ทำให้มีโปรตีนสัตว์เกาะที่ผนังเซลล์ ซึ่งเมื่อนำเซลล์ไปปลูกถ่ายร่างกายมนุษย์ อาจทำให้ต่อต้านโปรตีนสัตว์ดังกล่าว จึงได้ทดลองใช้เลือดจากสายสะดือที่ทิ้งภายหลังคลอดมาใช้ พบว่าได้ผลดีมาก จึงเตรียมขยายการทดลองต่อไป
การแยกสเต็มเซลล์บริสุทธิ์จากน้ำคร่ำ เป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ซึ่งมีแผนก้าวต่อไปเพื่อจะจัดเก็บสเต็มเซลล์บริสุทธิ์เหล่านี้ให้เป็นระบบด้วยการจัดตั้งธนาคารสเต็มเซลล์ที่ได้จากการตั้งครรภ์ โดยที่คณะวิจัยมีโครงการจัดตั้งธนาคารสเต็มเซลล์จากน้ำคร่ำ รก และสายสะดือ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีแหล่งสำรองสเต็มเซลล์สำหรับการวิจัยและรักษาคนไข้ได้อย่างไม่จำกัดในอนาคต
|