จากสภาพวิกฤติที่เกิดขึ้นแม้ว่าจะพยายามปรับใจ แต่ก็อดเครียดไม่ได้ และสุขภาพจิต ย่อมมีผลต่อสุขภาพกายและการดำเนินชีวิตของคนเราเสมอ ซึ่งในวันนี้รศ.พญ.สุดสบาย จุลกทัพพะ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ มีวิธีปรับสภาพจิต เพื่อแก้วิกฤติให้เป็นโอกาสสำหรับตัวเรา
สิ่งสำคัญที่จะทำให้เรารับมือกับวิกฤติต่างๆ ได้คือ ตั้งสติให้มั่น ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ประเมินสถานการณ์ จัดเรียง ลำดับความสำคัญของปัญหาที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน และที่สำคัญคือ อย่าพยายามเอาชนะกับสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ รวมทั้งพยายามปรับเปลี่ยนมุมมองของตนเอง หรือที่เรียกกันว่า การมองปัญหาในทางบวก มาเป็นประเด็นในการจัดการปัญหา จะช่วยให้เราสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดีกว่าการมองในแง่ลบ เช่น มองหรือคิดแต่สิ่งร้ายๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น จะทำให้ความรู้สึกหมดหวัง ซึมเศร้า อยู่อย่างไร้คุณค่า และไม่มีพลังใจที่จะลุกขึ้นมาดำเนินชีวิต ควรปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่ เพื่อเสริมสร้างพลังใจและไม่ย่อท้อต่อการเผชิญปัญหาที่เกิดขึ้น
เมื่อเราปรับใจให้เผชิญกับปัญหาอย่างเข้มแข็งได้แล้ว อย่าลืมให้กำลังใจทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ด้วยการพูดที่ให้ความรู้สึกดีๆ เช่น ไม่เป็นไร เริ่มต้นใหม่ จะเป็นพลังช่วยเสริมแรงใจให้ตนเองและคนรอบข้าง เพราะการแสดงออกที่มีความหวังและความห่วงใยผู้อื่น จะช่วยให้เราลดความหมกมุ่นกับปัญหาของตนเอง และกระตุ้นให้ตัวเราและคนอื่น มีแรงใจที่จะฝ่าฟันปัญหาไปได้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ขอให้สนใจและสังเกตอารมณ์ตนเองและคนรอบข้างเสมอว่า ขณะนั้นมีอาการเครียด หดหู่ หรือเศร้าโศกมากกว่าปกติหรือไม่ และเมื่อพบว่ามีความวิตกกังวลที่มากเกินกว่าปกติ ก็ต้องพยายามปรับภาวะอารมณ์ที่เครียดให้กลับมาเป็นปกติ แต่หากไม่สามารถรับมือกับความเครียดที่เกิดขึ้นได้ด้วยตนเอง ก็ให้ขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง หรือจากหน่วยงานทางสุขภาพจิต เพื่อจะได้ให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที แม้ภาวะวิกฤติจะส่งผลต่อสุขภาพจิต หากแต่กำลังใจและสติ รวมถึงความปรารถนาดีที่เพื่อนมนุษย์มีให้กัน คือ ยาวิเศษ ที่จะทำให้เราสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้
|