ผู้ที่มีปัญหาเอกลักษณ์ทางเพศ ความรู้สึกที่แปลกแยกไปจากเพศที่ตนเองเป็นอยู่นั้นเกิดจากอะไร แก้ไขได้หรือไม่และจะอยู่ในสังคมให้มีความสุขได้อย่างไร คนในครอบครัวและคนรอบข้างควรทำความเข้าใจกับกลุ่มเพศที่ 3 อย่างไร ผศ.นพ. พนม เกตุมาน ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ อธิบายว่า เอกลักษณ์ทางเพศที่ผิดปกติ แสดงออกเป็นพฤติกรรมตรงข้ามกับเพศตัวเอง อาจเกิดจากการเลี้ยงดูหรือปัจจัยทางร่างกาย หรือทั้งสองประการ ปัจจัยทางกาย อาจเกิดจากระดับฮอร์โมนเพศของมารดาผิดปกติในขณะตั้งครรภ์ หรือเด็กมีอวัยวะเพศกำกวมตั้งแต่แรกเกิด ทำให้เลี้ยงเด็กผิดเพศ นอกจากนี้การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมหรือผิดเพศ เช่น เด็กผู้ชายที่ห่างเหินจากพ่อ ใกล้ชิดแม่หรือส่งเสริมให้มีกิจกรรมหรือพฤติกรรมเพศหญิงมากเกินไป อาจทำให้เด็กผู้ชายมีพฤติกรรมผิดเพศได้ ถ้าไม่ได้แก้ไขเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น การแสดงออกจะมากขึ้นทั้งกิริยาท่าทาง คำพูด การแต่งกายและกิจกรรมต่าง ๆ บางคนอาจรังเกียจอวัยวะเพศตนเอง จนอยากกำจัดอวัยวะเพศทิ้งไป หรือผ่าตัดแปลงเพศ ซึ่งการแก้ไขให้วัยรุ่นที่มีเอกลักษณ์ทางเพศผิดปกติกลับมาเป็นปกตินั้นทำได้ยาก วิธีที่ดีที่สุดสำหรับการแก้ปัญหาเอกลักษณ์ทางเพศ คือ การป้องกัน โดยคนในครอบครัว ต้องเลี้ยงเด็กให้เหมาะสมกับเพศของเขา โดยเฉพาะช่วงอายุ 3 - 6 ปี พ่อควรใกล้ชิดเด็กผู้ชาย แม่ใกล้ชิดเด็กผู้หญิง ส่งเสริมกิจกรรมตามเพศ เด็กอายุ 6 - 12 ปี ควรให้ใกล้ชิดเด็กเพศเดียวกันเอง และไม่ส่งเสริมให้แสดงออกผิดเพศใด ๆ จนถึงวัยรุ่น ส่วนในกรณีที่มีโรคทางร่างกายที่เป็นสาเหตุ การรักษาโรคนั้นตั้งแต่เล็ก ๆ จะเป็นการป้องกันอีกวิธีหนึ่ง ถ้าป้องกันโดยการเลี้ยงดูเด็กให้มีพฤติกรรมที่ตรงกับเพศแล้ว แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาเอกลักษณ์ทางเพศที่ผิดปกติได้ ก็ควรยอมรับในสิ่งที่เป็นอยู่ และควรปรึกษาจิตแพทย์เป็นระยะ ๆ ปรับตัวเข้าหากัน และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข นอกเหนือจากการป้องกันแล้ว บุคคลในครอบครัว ควรมีส่วนช่วยด้วยนะครับ และที่ไม่ควรมองข้ามความสำคัญ คือการมาพบกับจิตแพทย์ เพื่อปรับแนวความคิดด้วย สำหรับคนที่เอกลักษณ์ทางเพศผิดปกติแล้วรู้สึกอึดอัด ปรับตัวไม่ได้ มีปัญหาในครอบครัว การมาพบจิตแพทย์เพื่อปรับความคิด ความรู้สึกและการดำเนินชีวิต จะช่วยให้ทุกคนในครอบครัวอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้
|