ใครหลายคนอาจเคยมีปัญหาในการมองเห็นจุดดำลอยไปมา หรือ เห็นแสงแฟลชในตา อาการเช่นนี้อาจเกิดจากวุ้นตาเสื่อม ผศ.นพ.ณัฐวุฒิ รอดอนันต์ ภาควิชาจักษุวิทยา อธิบายว่า วุ้นตาเป็นส่วนประกอบของลูกตา มีลักษณะเป็นของเหลวคล้ายไข่ขาว อยู่หน้าจอตาและยึดติดกับผิวของจอตา เมื่อเข้าสู่วัยกลางคนวุ้นตาจะเสื่อม หดตัวและลอกออกจากจอตา เกิดเป็นตะกอนขุ่น ในระยะแรกจะสังเกตเห็นตะกอนเหล่านี้ได้ง่าย แต่เมื่อเวลาผ่านไป สมองจะเกิดการเรียนรู้และละเลยภาพเหล่านั้นจนเห็นตะกอนเหล่านี้ลดลง นานวันเข้าเมื่อวุ้นตาเหลวและหดตัวจะส่งผลให้เกิดแรงดึงรั้งที่ผิวของจอตา ทำให้เกิดการกระตุ้นเห็นเป็นแสงคล้าย ถ่ายรูปหรือแสงฟ้าแลบในตา ผู้ป่วยมักสังเกตเห็นแสงแฟลชได้ชัดเจนขึ้น เมื่ออยู่ในที่มืดหรือในเวลากลางคืน อาการนี้จะลดลงและหายไปเมื่อวุ้นตา ร่อนตัวออกจากจอตาอย่างสมบูรณ์ แต่ในบางราย แรงดึงรั้งอาจทำให้จอ ตาฉีกขาด หากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้เกิดภาวะจอตาหลุดลอก ส่งผลให้ผู้ป่วยสูญเสียการมองเห็นได้อย่างถาวร นอกจากนี้การมองเห็นจุดสีดำลอยไปลอยมา อาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น ภาวะเลือดออกในวุ้นตา ม่านตาอักเสบ ซึ่งจักษุแพทย์จะตรวจตาโดยหยอดยาขยายรูม่านตา เพื่อตรวจจอตาและวุ้นตาอย่างละเอียด หลังจากขยายม่านตา ผู้ป่วยจะมีอาการตาพร่ามัว สู้แสงไม่ได้ แต่การมองเห็นจะกลับมาเป็นปกติ เมื่อยาหมดฤทธิ์ประมาณ 4 ชั่วโมง ถ้าตรวจพบว่ามีรอยฉีกขาดที่จอตา ต้องได้รับการรักษาด้วยแสงเลเซอร์โดยเร็ว เพื่อปิดรอยฉีกขาดนั้น แต่ถ้าไม่มีรอยฉีกขาด แพทย์จะนัดตรวจตามความเหมาะสม แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เช่น มีปริมาณ ของจุดดำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือเห็นแสงแฟลชถี่ขึ้นเพื่อตรวจอย่างละเอียด แม้จะไม่ถึงวันนัดก็ตามโดยสรุปภาวะวุ้นตาเสื่อม ไม่จำเป็นต้องทำการรักษา ผู้ป่วยยังคงใช้สายตาได้ตามปกติ แม้จะมองเห็นจุดดำลอยไปลอยมา แต่ไม่อันตราย ส่วนแสงแฟลชที่เกิดขึ้นอาจจะค่อย ๆลดลงและหายไปในที่สุด ซึ่งในช่วงที่มีอาการ ผู้ป่วยควรงดการออกกำลังกาย และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดการกระเทือน โดยเฉพาะบริเวณศีรษะ และพบจักษุแพทย์ตามนัด
|