ออกอากาศ : วันที่ 9 มกราคม 2554  เวลา 13.50 น. (โดยประมาณ) ณ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
เรื่อง: โรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังจากการทำงาน
บทคัดย่อ:

การนั่งทำงานนาน ๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งอย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งโรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง  ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกคนในวัยทำงาน  รายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น  อ.นพ.ลิขิต  รักษ์พลเมือง ภาควิชาศัลยศาสตร์  ออร์โธปิดิคส์และกายภาพบำบัด อธิบายว่า โรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง หรือ  myofascial pain syndrome  มักเป็นต้นตอของตำแหน่งกดเจ็บ หรือ Trigger Point  ซึ่งเป็นจุดที่เรากดลงไปแล้วรู้สึกปวด เหมือนมีก้อนแข็ง ๆ เล็ก ๆ ใต้ผิวหนัง ซึ่งเกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อที่สะสมต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานานจนเกิดเป็นก้อนเล็กขนาด 0.5-1 เซนติเมตร  Trigger Point  จำมาก หรือจุดกดเจ็บจำนวนมากที่ซ่อนอยู่ในกล้ามเนื้อ ต้นเหตุอย่างหนึ่งคือการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ  รวมทั้งออกซิเจนที่ส่งไปเลี้ยงกล้ามเนื้อไม่เพียงพอ  เกิดการคั่งของเสียในบริเวณนั้น ทำให้กล้ามเนื้อแข็งและเกร็งมีอาการปวดลามไปยังยังบริเวณใกล้เคียงจนกลายเป็นอาการปวดเรื้อรังตามมา ส่วนใหญ่จะเกิดที่กล้ามเนื้อส่วนบนตั้งแต่ คอ บ่า ไหล่ สะบัก หลัง  อาการปวดร้าวลึกของกล้ามเนื้ออาจจะปวดตลอดเวลา หรือปวดเฉพาะเวลานั่งทำงาน  บางคนอาจเป็นหนักจนไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อส่วนนั้นได้  หรือบางคนอาจลามไปปวดถึงศีรษะ กระตุ้นการเกิดไมเกรน ทำให้นอนไม่หลับ  มีอาการชาตามมือและแขนและทำให้เกิดปัญหาโครงสร้างและใช้งานของร่างกาย เช่น ไหล่สูงต่ำไม่เท่ากัน หลังงอ หรือมีปัญหาในการ  เดินและทรงตัว  การรักษาจะใช้การบริหารกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ เช่น ฝึกยืดกล้ามเนื้อบริเวณลำตัวบน  ต้นแขนและคอ  นวด ทายาคลายกล้ามเนื้อ  หรือรับประทานยา รวมทั้งประคบด้วยความร้อน  การกระตุ้นกล้ามเนื้อ  ด้วยไฟฟ้าเพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว  ผลการรักษาจะทำให้รู้สึกดีขึ้น ลดความเจ็บปวดได้  แต่พึงระวังสิ่งที่ทำให้เกิดโรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง  ได้แก่  การนั่งในท่าที่ไม่เหมาะสม  การทำงานที่มีการใช้กล้ามเนื้อท่าเดียวกันซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน  กล้ามเนื้อขาดการพักผ่อน รวมถึงไม่ได้รับการบริหาร  กล้ามเนื้อ  ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องหลีกเลี่ยง การหมั่นดูแลตัวเอง  อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและแก้ไขได้ทันท่วงที เช่น ถ้ากล้ามเนื้อคอเกิดความตึงเครียดระหว่างนั่งปฏิบัติงาน  วิธีบริหารง่าย ๆ  มีดังนี้ ท่าที่ 1 หันศีรษะไปทางด้านซ้ายช้าๆ ใช้มือซ้ายช่วยดึงค้างไว้   ท่าที่ 2 ก้มศีรษะพยายามให้คางชิดอกมากที่สุด ท่าที่ 3 เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ไปด้านหลังให้มากที่สุด  ท่าที่ 4  เอียงศีรษะไปทางด้านขวา ใช้มือขวาช่วยดึง พยายามให้ศีรษะชิดไหล่มากที่สุด  ท่าที่ 5 หันศีรษะไปทางด้านซ้าย 45 องศา ใช้มือขวาช่วยดึงพร้อมก้มลงช้า ๆ ให้มากที่สุดค้างไว้ 10 วินาที  จากนั้นสลับทำด้านขวา    

กลับสู่หน้ารายการโทรทัศน์พบหมอศิริราช