ออกอากาศ : วันที่ 26 ธันวาคม 2553  เวลา 13.50 น. (โดยประมาณ) ณ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
เรื่อง: เอลแอลอี (SLE)
บทคัดย่อ: การเสียชีวิตของราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง  ดวงจันทร์ด้วยโรค SLE ทำให้หลายคนเรียกโรคนี้ว่าเป็นโรคพุ่มพวง โรคนี้เป็นเช่นไร ผศ.นพ.สุรศักดิ์  นิลกานุวงศ์  ภาควิชาอายุรศาสตร์ อธิบายว่า โรค SLE “systemic lupus erythematosus” หรือ “โรคลูปัส” เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันจัดอยู่ในกลุ่มโรคออโตอิมมูน (autoimmune disease) มีการสร้างแอนติบอดีหลายชนิดทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะต่างๆ ได้ การเกิดโรคเอสแอลอี  ประกอบด้วย พื้นฐานทางพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม และฮอร์โมนของร่างกาย  เมื่อได้รับการกระตุ้นจากเชื้อโรค แสงแดด หรือยาความรุนแรงของโรคมีตั้งแต่น้อย ๆ รักษาได้ง่าย  จนรุนแรงมากถึงขั้นเสียชีวิตได้ อาการที่พบมีหลายอย่าง เช่น อาการไข้ น้ำหนักลด อ่อนเพลีย ปวดข้อ ข้ออักเสบผื่นแดงที่ใบหน้า บริเวณโหนกแก้มและสันจมูก ลักษณะคล้ายผีเสื้อ  ผมร่วง  แพ้แสงแดด  เป็นแผลที่เพดานปาก  หลอดเลือดอักเสบ มีการอักเสบของเยื่อหุ้มปอด เยื่อหุ้มหัวใจ  อาการแสดงในระบบเลือด เช่น ซีดจากโรคเรื้อรัง เม็ดเลือดแดงแตก เม็ดเลือดขาวต่ำ เกร็ดเลือดต่ำ  อาการแสดงในระบบประสาท เช่น ปวดศีรษะ ชัก ซึม  อาการในระบบไต  เช่น อาการบวมปัสสาวะเป็นฟอง มีโปรตีนในปัสสาวะ มีเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะ การรักษาส่วนใหญ่จะเป็นยาในกลุ่มลดการอักเสบ  และกดภูมิคุ้มกันมีการปรับขนาดของยาตามอาการและผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาใดที่ทำให้หายขาดได้ แต่การปฏิบัติตัวที่ดี การเลือกใช้ยาที่ถูกต้องทั้งชนิด ขนาด และช่วงเวลาที่เหมาะสม จะสามารถควบคุมอาการของโรคนี้ได้ ผู้ป่วยต้องรับประทานยาและตรวจสม่ำเสมอจะทำให้โรคสงบและมีชีวิตเหมือนคนปกติ ขอเน้นว่า ผู้ป่วยต้องได้รับการตรวจเป็นระยะๆ และรับประทานยาเพื่อควบคุมไม่ให้โรคกำเริบ นอกจากนี้  เมื่อป่วยเป็นโรคเอสแอลอี ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง เพราะจะมีโอกาสแพ้ยามากกว่าคนอื่น และควรกลับไปพบแพทย์ทันทีถ้ามีอาการผิดปกติหากจะไปหาแพทย์ท่านอื่น ควรนำยาที่กำลังรับประทานอยู่ไปด้วยทุกครั้งที่สำคัญต้องรับประทานยาตามขนาด และเวลาที่กำหนดไม่ควรเพิ่มหรือลดขนาดของยาเอง

กลับสู่หน้ารายการโทรทัศน์พบหมอศิริราช