หลายคนเคยรู้สึกเสียวฟัน อันเนื่องมาจากเคลือบฟันของคุณถูกกัดกร่อนและสึกลง วันนี้เราไปพบกับสาเหตุและวิธีป้องกันที่ดีที่สุดกัน ทพญ.วิมลพรรณ สุระวดี งานทันตกรรม อธิบายว่า สาเหตุของฟันสึกมักเกิดจากแรงบดเคี้ยวที่ผิดปกติ เช่น ชอบกินอาหารแข็ง กัดน้ำแข็ง หรือนอนกัดฟันรุนแรง นอกจากนี้การกินอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด จำพวกอาหารรสเปรี้ยว น้ำอัดลม ไวน์ และการแปรงฟันที่ผิดวิธี แปรงฟันแรงๆ หรือใช้แปรงสีฟันที่มีขนแข็งก็ทำให้เคลือบฟันสึกได้เช่นกัน ลักษณะการสึกของฟันที่พบบ่อยๆ มี 2 ด้าน คือ ด้านบดเคี้ยวและด้านแก้มที่บริเวณคอฟัน การสึกของฟันด้านบดเคี้ยวมักจะพบในฟันกราม ส่วนฟันสึกบริเวณคอฟันมักพบบ่อยที่ฟันกรามน้อยและฟันเขี้ยว เพราะเป็นตำแหน่งที่สัมผัสกับแปรงสีฟันได้ง่าย โดยอาการเสียวฟันจะเริ่มขึ้นเมื่อผิวเคลือบฟันสึกหายไปจนถึงชั้นของเนื้อฟัน และหากปล่อยให้ฟันสึกต่อไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นโพรงประสาทฟันจะทำให้มีอาการปวดฟันตามมา วิธีการป้องกันฟันสึกที่ดีที่สุด คือ พยายามหลีกเลี่ยงสภาวะต่างๆที่จะทำให้เกิดฟันสึก คือ พยายามลดความถี่ และปริมาณการบริโภคของขบเคี้ยวที่มีผลต่อการสึกของฟัน รวมถึงพยายามฝึกการแปรงฟันให้ถูกวิธี โดยใช้ขนแปรงอ่อนนุ่ม เอียงแปรงสีฟันประมาณ 45 องศากับตัวฟัน แล้วกดแปรงเบาๆ ลงที่แนวเหงือกโดยวิธีขยับ-ปัด ฟันบนปัดลงล่าง ฟันล่างปัดขึ้นบนซี่ละ 8-10 ครั้ง ระวังการแปรงฟันตามขวางตัวฟันแรงๆ เพราะจะทำลายผิวเคลือบฟันและอาจทำให้เหงือกเป็นแผลได้ การแก้ไขในกรณีที่ฟันสึกไม่มากและมีอาการเสียวฟัน แนะนำให้ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของสารลดการเสียวฟัน ซึ่งจะระงับอาการได้เป็นครั้งคราว เมื่อฟันสึกลึกขึ้นอาจต้องทำการอุดหรือครอบฟัน แต่หากการสึกลึกถึงชั้นของโพรงประสาทฟัน ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาคลองรากฟันเพื่อระงับอาการปวดก่อนการบูรณะฟันต่อไป สำหรับการป้องกันไม่ให้เกิดการสึกกร่อนจนลุกลามมาถึงการเสียวฟันเป็นวิธีที่ดีที่สุดและควรไปพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจสุขภาพเหงือกและฟันทุก 6 เดือน หลังการรับประทานผลไม้ หรืออาหารและเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรด ควรบ้วนปากทันที แล้วรอ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงก่อนแปรงฟัน โดยเลือกแปรงสีฟันที่มีขนแปรงอ่อนนุ่มและแปรงให้ถูกวิธี จะช่วยลดการสึกกร่อนของฟันได้
|