ปัจจุบันเรามีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ครอบคลุมทั้ง 3 สายพันธุ์ ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไข้หวัดใหญ่ชนิด B และชนิด A H3N2 ซึ่งเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล รวมอยู่ในเข็มเดียวกันแล้ว ศ.นพ.ประเสริฐ เอื้อวรากุล ภาควิชาจุลชีววิทยา อธิบายว่า ส่วนใหญ่เราจะฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 แล้ว หลังฉีดแล้ว 1 เดือนก็สามารถรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิด 3 สายพันธุ์ได้ ข้อดีคือจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ให้มากขึ้น รวมทั้งยังป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้อีก 2 สายพันธุ์ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะซ้ำซ้อนหรือเป็นอันตราย แต่จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น โดยปกติวัคซีนเพื่อป้องกันโรคทุกชนิด จะมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายมนุษย์ได้ไม่เท่ากัน ในบางคนจึงอาจมีโอกาสติดเชื้อได้อีกแม้จะฉีดวัคซีนไปแล้วก็ตาม ฉะนั้นการระวังป้องกันตัว โดยสุขอนามัยส่วนบุคคล จึงยังจำเป็นอยู่แม้จะฉีดวัคซีนแล้ว ซึ่งผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับวัคซีนเป็นอันดับต้นๆ ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์เกินกว่า 7 เดือน คนอ้วนที่น้ำหนักตัวมากกว่า 100 กิโลกรัม ผู้พิการทางสมอง ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง ผู้สูงอายุเกินกว่า 65 ปีขึ้นไป เด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือน - 2 ปี และบุคลากรด้านสาธารณสุขซึ่งจำเป็นต้องได้รับวัคซีน เพราะมีโอกาสรับเชื้อได้ง่ายและได้มากกว่าคนอื่นๆ และหลังจากฉีดวัคซีนแล้ว จะต้องใช้ เวลา 2-3 อาทิตย์ เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาป้องกันโรค แต่การฉีดวัคซีนนี้ไม่สามารถป้องกันไข้หวัดได้ทุกชนิด ซึ่งการได้รับเชื้ออาจเกิดจากไวรัสอื่นๆ อีกหลายชนิด ดังนั้นการฉีดวัคซีนควรฉีดซ้ำทุก 1 ปี เนื่องจากแต่ละปี เชื้อไวรัสจะมีการกลายพันธุ์ จึงต้องมีการผลิตวัคซีนขึ้นมาใหม่ แต่เนื่องจากวัคซีนผลิตจากการเพาะเลี้ยงไวรัสในไข่ไก่ ผู้ที่แพ้ไข่ไก่อาจแพ้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ และหากเป็นการแพ้รุนแรงก็จะไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีน เช่นเดียวกับผู้ที่มีประวัติแพ้วัคซีนชนิดนี้ |