อาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน เป็นอาการที่พบบ่อย และอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ส่วนจะเกี่ยวกับ โรคน้ำในหูไม่เท่ากันหรือไม่นั้น ผศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา อธิบายว่า ภาวะที่น้ำในหูไม่เท่ากัน หรือ โรคมีเนีย เกิดจากการไหลเวียนของน้ำในหูชั้นในผิดปกติ เช่น การดูดซึมของน้ำในหูไม่ดี ทำให้มีน้ำในหูชั้นในมากขึ้นส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ประสาทที่ควบคุมการทรงตัว และการได้ยินผู้ป่วยที่น้ำในหูไม่เท่ากัน มักมีอาการประสาทหูเสื่อม หูอื้อ ได้ยินไม่ชัด รู้สึกแน่นในหู มีเสียงดังในหูหรืออาการเวียนศีรษะ/บ้านหมุน บางครั้งอาจคลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออก โดยส่วนใหญ่ อาการมักเป็น ๆ หาย ๆ อาการเวียนศีรษะ เป็นอาการที่รบกวนผู้ป่วยมากที่สุด ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถ ทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ และต้องนอนพัก การวินิจฉัยแพทย์จะซัก ประวัติ ตรวจหู และระบบประสาทการทรงตัว และการได้ยิน รวมทั้งการเจาะเลือด และตรวจปัสสาวะ การรักษาแพทย์จะให้ผู้ป่วยจำกัดความเค็มเพราะความเค็ม หรือเกลือโซเดียมที่มีปริมาณมากขึ้นในร่างกาย จะทำให้มีน้ำคั่งในหูชั้นในมากขึ้น และหลีกเลี่ยงสารคาเฟอีนในชาและกาแฟ เครื่องดื่มน้ำอัดลม รวมทั้งหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และความเครียดซึ่งจะทำให้อาการของผู้ป่วยโรคนี้แย่ลง และให้ยาบรรเทาอาการเวียนศีรษะ หรือคลื่นไส้ อาเจียน ร่วมกับให้ยาขยายหลอดเลือด เพื่อช่วยให้การไหลเวียนของน้ำในหูดีขึ้น อีกทั้งผู้ป่วยควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มเลือดไปเลี้ยงหูชั้นในมากขึ้น เมื่อให้ยารักษาเต็มที่แล้ว แต่อาการเวียนศีรษะยังไม่ดีขึ้น จนรบกวนคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมาก แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดเพื่อระบายน้ำที่คั่งอยู่ในหูชั้นในออก ซึ่งโรคนี้ไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่อาการของผู้ป่วย ส่วนใหญ่สามารถควบคุมได้ด้วยยา สำหรับการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องขณะเวียนศีรษะจากสาเหตุน้ำในหูไม่เท่ากัน เมื่อมีอาการเวียนศีรษะขณะเดิน ควรหยุดเดินและนั่งพัก ถ้าเวียนศีรษะมากควรนอนบนพื้นราบ และมองไปยังวัตถุที่อยู่นิ่ง ๆ ไม่เคลื่อนไหว ถ้ารู้สึกง่วงหรือเพลียให้นอนหลับ หลังตื่นนอนอาการจะดีขึ้น
|