ออกอากาศ : วันที่ 12 กันยายน 2553  เวลา 13.50 น. (โดยประมาณ) ณ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
เรื่อง: ลดเค็ม ลดความดันโลหิต
บทคัดย่อ:  การบริโภคอาหารรสเค็มจัดกลายเป็นสาเหตุเกิดโรคความดันโลหิตสูง เพื่อให้ทุกคนตระหนัก และร่วมมือกันลดอาหารเค็ม เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ ผศ.พญ. วีรนุช  รอบสันติสุข  อธิบายว่า การกินเค็มนอกจากจะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นแล้ว ยังเกิดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้น เนื่องจากเกลือจะไปลดประสิทธิภาพของยาลดความดันโลหิต โดยในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าเราบริโภคอาหารเค็มเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เพราะอาหารปรุงสำเร็จแต่ละชนิดจะมีทั้งเกลือ น้ำปลาซอสปรุงรส ซอสถั่วเหลือง ขนมกรุบกรอบที่เรารับประทานกันบ่อย ๆ สำหรับปริมาณที่เหมาะสมในการบริโภคเกลือคือ ต้องไม่เกิน 6 กรัมหรือ 1 ช้อนชาต่อวัน  สำหรับการประเมินผล การบริโภคเกลือในแต่ละวันสามารถทำ     ได้หลายวิธี แต่วิธีหนึ่งที่ได้ผลเป็นที่น่าเชื่อถือคือการเก็บปัสสาวะมาตรวจ ทำให้ทราบว่าส่วนใหญ่เราบริโภค เกลือสูงถึง 9 กรัม ต่อวัน ดังนั้นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงคือ ลดการเติมน้ำปลาในอาหาร ด้วยการ “ชิมก่อนปรุง”  อาหารที่มีรสเค็มจัด เช่น กะปิ ปลาเค็ม ไข่เค็ม ขนมกรุบกรอบ  อาหารสำเร็จรูปที่มีเกลือมากควรบริโภคให้น้อยลง  เพิ่มการรับประทานผัก ผลไม้ ในทุกมื้อของอาหาร  ส่วนการวัดความดันโลหิต เพื่อจะได้ทราบว่าเรามีความดันโลหิตสูงหรือไม่  ในคนปกติ ความดันโลหิตค่าบนควรมีค่าน้อยกว่า 120 มิลลิเมตรปรอท และค่าความดันโลหิตค่าล่าง ควรมีค่าน้อยกว่า 80 มิลลิเมตรปรอท และควรวัดอย่างน้อย 2 ครั้งต่อ 1 รอบ  และใช้ค่าเฉลี่ยใน การรายงานผลค่าความดันโลหิตต่อการตรวจแต่ละครั้ง  โรคความดันโลหิตสูง ส่วนใหญ่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ต้องใช้ยาลดความดันโลหิตซึ่งจะช่วยลดอัตราการเกิดอัมพาตหัวใจล้มเหลว และไตวายเรื้อรังในผู้ป่วยได้  อีกทั้งลดการกินเค็ม  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาความดันโลหิตที่ได้ผลนอกเหนือไปจากการใช้ยา โดยทั่วไปเมื่ออายุมากขึ้น ความดันโลหิตก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น  ฉะนั้น ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ควรตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ  นอกเหนือจากการลดกินเค็มแล้ว ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง  ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว และโคเลสเตอรอลสูง เช่น เนย กะทิ ขนมเค้ก มันฝรั่งทอด ไข่ปลา หนังหมู หนังไก่ หอยนางรม กุ้ง ปลาหมึก อาหารประเภททอดทั้งหลาย  และไม่ควรดื่มสุรามากเกินไปด้วย

กลับสู่หน้ารายการโทรทัศน์พบหมอศิริราช