ออกอากาศ : วันที่ 5 กันยายน 2553  เวลา 13.50 น. (โดยประมาณ) ณ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
เรื่อง: มือเท้าชา เมื่อเส้นประสาทถูกกดทับ
บทคัดย่อ:

 ผู้ที่มือเท้าชา อาจจะไม่ได้เกิดจากการขาดวิตามินบี 1 เสมอไป แต่อาจเกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับ  หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดอันตรายได้  รศ.พญ.กนกวรรณ  บุญญพิสิฎฐ์  ภาควิชาอายุรศาสตร์ อธิบายว่า  อาการมือชา เท้าชา เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการขาดวิตาบินบี 1 หรือโรคเหน็บชา หรือเกิดจากโรคบางชนิด เช่น เบาหวาน แต่สาเหตุส่วนใหญ่นั้นมักจะเกิดจากการที่เส้นประสาทถูกกดทับ  เมื่อเส้นประสาทถูกกดทับอาจส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติ  หากชาที่หลังมือแต่ไม่เกินข้อมือ แสดงว่าเส้นประสาทกดทับที่ต้นแขนด้านใน สาเหตุจากการนั่งเอาแขนพาดพนักเก้าอี้นานจนเกินไป แต่ถ้าอาการชาเลยมาถึงข้อมือจะเกิดจากเส้นประสาทบาดเจ็บบริเวณรักแร้  หากชาตั้งแต่บริเวณแขนไปจนถึงนิ้วมือ เกิดจากกระดูกต้นคอเสื่อมไปกดทับเส้นประสาท ซึ่งควรปรึกษาแพทย์  ส่วนอาการชาฝ่าเท้า สาเหตุเกิดจากเส้นประสาทบริเวณตาตุ่มหรือบริเวณอุ้งเท้าถูกกดทับ การแก้ปัญหาควรจะลดการยืน หรือเดินนานๆ หากชาหลังเท้า และลามขึ้นมาถึงหน้าแข้ง เกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับบริเวณใต้เข่าด้านนอก ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการนั่งในท่าที่ต้องพับขา เช่น ท่าขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ หรือการนั่งไขว่ห้าง  แต่ถ้าชาเป็นแถบจากสะโพกลงมาจนถึงข้อเท้า เกิดจากหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนไปทับเส้นประสาท ซึ่งควรจะไปพบแพทย์  การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรง  แพทย์อาจให้กินยาแก้ปวด ลดการอักเสบ  กินวิตามิน  หากอาการยังไม่ทุเลาแพทย์จะฉีดยาสเตียรอยด์ เพื่อลดอาการบวมของเส้นเอ็น หรือใช้วิธีการผ่าตัดรักษาโดยทั่วไปหลังผ่าตัดผู้ป่วยจะดีขึ้น  แต่อาการจะยังไม่หายสนิททั้งหมด เนื่องจากเส้นประสาทถูกกดทับนาน ซึ่งอาการจะค่อยๆ ดีขึ้น  อาจต้องใช้ระยะเวลาหลายสัปดาห์ จึงจะกลับมาเหมือนปกติ  เนื่องจากเส้นประสาทมีความซับซ้อนมาก การรักษาจะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อคนไข้สามารถอธิบายอาการ หรือบริเวณที่ชาได้อย่างชัดเจน  จะทำให้แพทย์วินิจฉัยตำแหน่ง และให้การรักษาได้อย่างถูกต้อง  สำหรับการป้องกันเส้นประสาทถูกดทับในการนั่งทำงาน หลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้างหรือ การนั่งเท้าแขนเป็นเวลานานๆ เพราะจะทำให้เกิดปัญหาเส้นประสาทถูกกดทับได้ง่าย

กลับสู่หน้ารายการโทรทัศน์พบหมอศิริราช