ออกอากาศ : วันที่ 15 สิงหาคม 2553 เวลา 13.50 น. (โดยประมาณ) ณ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 |
เรื่อง:
|
หยุดเลือดกำเดาไหล |
บทคัดย่อ:
|
ภาวะเลือดกำเดาไหล เกิดขึ้นได้ในทุกเพศ ทุกวัย สาเหตุและวิธีการหยุดเลือดกำเดาทำอย่างไรนั้น อ.พญ.วรรณิภา วัฒโนภาส ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา อธิบายว่า ภาวะเลือดกำเดาไหลเกิดจากเส้นเลือดที่มาเลี้ยงเยื่อบุจมูกฉีกขาด ทำให้มีเลือดไหลออกทางจมูกข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ ในเด็กและผู้ที่อายุน้อยมักออกจากส่วนหน้าของจมูก แต่ถ้าเลือดออกส่วนหลังของจมูก มักพบในผู้สูงอายุ สาเหตุของเลือดกำเดาไหล มี 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มแรก เฉพาะที่บริเวณจมูก ได้แก่ การบาดเจ็บต่อจมูก เป็นสาเหตุของเลือดกำเดาที่พบได้บ่อย เกิดจากการถู แคะ สั่งน้ำมูกแรงๆ ได้รับอุบัติเหตุบริเวณศีรษะและกระดูกใบหน้า การเปลี่ยนแปลงความกดอากาศอย่างรวดเร็ว เช่น การขึ้นเครื่องบิน การอักเสบในช่องจมูก เช่น การเป็นหวัด เป็นโรคภูมิแพ้ เนื้องอกบริเวณจมูก, ไซนัสและโพรงหลังจมูก ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีเลือดกำเดาไหลปริมาณมาก หรือเป็นซ้ำๆ การผิดรูปของผนังกั้นช่องจมูก รวมทั้งภาวะอากาศเย็น ความชื้นต่ำทำให้เยื่อบุจมูกแห้ง มีเลือดไหลออกจากจมูกได้ง่ายขึ้น กลุ่มที่สอง เกิดจากโรคอื่นๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง ซึ่งทำให้ผนังของหลอดเลือดแข็ง เปราะ มักพบในผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังพบในภาวะการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ เช่น โรคตับแข็ง โรคเลือดต่างๆ การรักษา ให้ผู้ป่วยเงยหน้าขึ้นใช้นิ้วชี้และหัวแม่มือบีบจมูกทั้งสองข้างให้แน่นประมาณ 510 นาที ให้หายใจทางปากแทน นอนพัก ยกศีรษะสูง นำน้ำแข็งมาประคบบริเวณหน้าผากหรือดั้งจมูกประมาณ 10 นาที ถ้าเลือดไม่หยุดควรไปพบแพทย์ หลังจากเลือดกำเดาหยุดไหลภายใน 1-2 วัน ควรหลีกเลี่ยง การกระทบกระเทือนบริเวณจมูก การยกของหนัก การเล่นกีฬาที่หักโหมหรือกลางแดด เพราะอาจทำให้มีเลือดออกได้อีก สำหรับผู้ป่วยที่รับประทานยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยาละลายลิ่มเลือด ยาเหล่านี้จะทำให้เลือดไหลง่ายกว่าปกติจึงควรหลีกเลี่ยง และควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินเคสูง ซึ่งพบในผักใบเขียวทุกชนิด ผักกาดขาว แครอท น้ำมันตับปลา ตับ เนยแข็ง ไข่ขาว ถั่วหมัก จะช่วยให้เลือดแข็งตัวได้เร็วขึ้น |
|
กลับสู่หน้ารายการโทรทัศน์พบหมอศิริราช
|