ออกอากาศ : วันที่ 4 กรกฎาคม 2553  เวลา 13.50 น. (โดยประมาณ) ณ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
เรื่อง: ไวรัสเริม
บทคัดย่อ: ผู้ที่มีความเครียด ร่างกายมักจะอ่อนแอ หากพักผ่อนไม่เพียงพออาจทำให้เกิดโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ หรือเริมได้ ผศ.นพ.สุมนัส  บุณยะรัตเวช  ภาควิชาตจวิทยา  อธิบายว่า เริมมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำขนาดเล็ก พองใส มีขอบแดง มักขึ้นรวมกันเป็นกลุ่ม และตุ่มน้ำนี้จะแตกเป็นแผลถลอกตื้นๆ และหายไปในที่สุด พบได้บ่อยบริเวณริมฝีปาก และบริเวณอวัยวะเพศ ก้น การติดเชื้อครั้งแรก อาการจะค่อนข้างรุนแรง  มีไข้ปวดเมื่อย ต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียงมีการอักเสบ  เช่น  ถ้าเป็นเริมที่อวัยวะเพศ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบอักเสบ ถ้าเป็นเริมที่ริมฝีปาก ต่อมน้ำเหลืองที่คออักเสบ เชื้อไวรัส “เฮอร์ปีส์” หรือเริม กระจายสู่ผู้อื่นได้ด้วยการสัมผัสทางกาย  การจูบ การมีเพศสัมพันธ์ โดยเชื้อจะแทรกเข้าทางเยื่อบุ หรือผิวหนังที่ถลอกเป็นแผล แล้วก่อให้เกิดผื่นเริมใน 2-20 วันหลังรับเชื้อ หรือในรายที่มีร่างกายแข็งแรงอาจไม่ปรากฏรอยโรคเริเลยก็ได้  หลังจากนั้นเชื้อหลบแฝงตัวที่ปมประสาท จนกว่าจะถูกกระตุ้น ก็จะกลับมาเป็นโรคเริมอีกครั้ง ผู้ที่เคยเป็นโรคเริมแล้ว จะมีโอกาสเกิดโรคเริมซ้ำในตำแหน่งเดิมได้บ่อยแะสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดซ้ำ คือ ภาวะที่ร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำลง พักผ่อนไม่เพียงพอ อ่อนเพลีย ขาดสารอาหาร ความเครียด วิตกกังวล หากหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้  ความถี่ของการเป็นโรคเริมจะน้อยลง สำหรับผู้ที่เป็นโรคเริมควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแผล เพราะอาจแพร่เชื้อไปสู่บริเวณอื่นของร่างกายหรือติดต่อไปยังผู้อื่นได้  งดการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่เริ่มมีอาการคันจนกระทั่งแผลหาย  เพราะเป็นช่วงปล่อยเชื้อ ถึงแม้ใช้ถุงยางอนามัยก็ไม่ปลอดภัย 100% ในปัจจุบันยังไม่มียาใดที่ทำให้โรคนี้หายขาดได้ ถึงแม้ว่ายาต้านไวรัสจะมีประสิทธิภาพสูง ในรายที่เป็นเริมถี่มากกว่า  6 ครั้งต่อปี ควรปรึกษาแพทย์ ซึ่งจะพิจารณาใช้ยาต้านไวรัสขนาดต่ำ เพื่อป้องกันการการกลับเป็นซ้ำ หรือลดความถี่ของเริม ปัญหาของโรคเริมคือ การกลับเป็นซ้ำทำให้เกิดความเบื่อหน่ายขาดความมั่นใจ รู้สึกไม่สวยงามบุคลิกภาพ

กลับสู่หน้ารายการโทรทัศน์พบหมอศิริราช