ออกอากาศ : วันที่ 27 มิถุนายน 2553 เวลา 13.50 น. (โดยประมาณ) ณ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 |
เรื่อง:
|
ไวรัสเริม |
บทคัดย่อ:
|
ผู้ที่มีความเครียด ร่างกายมักจะอ่อนแอ หากพักผ่อนไม่ เพียงพอ อาจทำให้เกิดโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ หรือเริมได้ ผศ.นพ. สุมนัส บุณยรัตเวช ภาควิชาตจวิทยา อธิบายว่า เริมมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำขนาดเล็ก พองใส มีขอบแดง มักขึ้นรวมกันเป็นกลุ่ม และตุ่มน้ำนี้จะแตกเป็นแผลถลอกตื้น ๆ และหายไปในที่สุด พบได้บ่อยบริเวณริมฝีปาก และบริเวณอวัยวะเพศ ก้น การติดเชื้อครั้งแรกอาการจะค่อนข้างรุนแรง มีไข้ ปวดเมื่อย ต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียงมีการอักเสบ เช่น ถ้าเป็นเริมที่อวัยวะเพศ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบอักเสบ ถ้าเป็นเริมที่ริมฝีปาก ต่อมน้ำเหลืองที่คออักเสบ เชื้อไวรัส เฮอร์ปีส์ หรือเริม กระจายสู่ผู้อื่นได้ด้วยการสัมผัสทางกาย การจูบ การร่วมเพศ โดยเชื้อจะแทรกเข้าทางเยื่อบุหรือผิวหนังที่ถลอกเป็นแผลแล้วก่อให้เกิดผื่นเริมใน 2-20 วันหลังรับเชื้อ หรือในรายที่มีร่างกายแข็งแรงอาจไม่ปรากฏรอยโรคเริมเลยก็ได้หลังจากนั้นเชื้อหลบแฝงตัวที่ปมประสาท จนกว่าจะถูกกระตุ้น ก็จะกลับมาเป็นโรคเริมอีกครั้ง ผู้ที่เคยเป็นโรคเริมแล้วจะมีโอกาสเกิดโรคเริมซ้ำในตำแหน่งเดิมได้บ่อย และสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดซ้ำ คือ ภาวะที่ร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำลง พักผ่อนไม่เพียงพอ อ่อนเพลียขาดสารอาหารความเครียด วิตกกังวล หากหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ความถี่ของการเป็นโรคเริมจะน้อยลง สำหรับผู้ที่เป็นโรคเริมควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแผล เพราะอาจแพร่เชื้อไปสู่บริเวณอื่นของร่างกายหรือติดต่อไปยังผู้อื่นได้งดการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่เริ่มมีอาการคันจนกระทั่งแผลหาย เพราะเป็นช่วงปล่อยเชื้อ ถึงแม้ใช้ถุงยางอนามัยก็ไม่ปลอดภัย 100% ใน ปัจจุบันยังไม่มียาใดที่ทำให้โรคนี้หายขาดได้ ถึงแม้ว่ายาต้านไวรัสจะมีประสิทธิภาพสูง ในรายที่เป็นเริมถี่มากกว่า 6 ครั้งต่อ ปี ควรปรึกษาแพทย์ซึ่งจะพิจารณาใช้ยาต้านไวรัสขนาดต่ำ เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ หรือลดความถี่ของเริม ปัญหาของโรคเริมคือการกลับเป็นซ้ำทำให้เกิดความเบื่อหน่ายขาดความมั่นใจรู้สึกไม่สวยงาม เสียบุคลิกภาพ |
|
กลับสู่หน้ารายการโทรทัศน์พบหมอศิริราช
|