บทคัดย่อ:
|
ข้อสะโพกเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญต่อร่างกายหากคุณรู้สึกเดินขัดๆ ฝืดๆ บริเวณสะโพก นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่า จะเกิดภาวะข้อสะโพกเสื่อม รศ.นพ.กีรติ เจริญชลวานิช ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์และกายภาพบำบัด อธิบายว่า ข้อสะโพกเป็นข้อต่อระหว่างกระดูกเชิงกราน และกระดูกต้นขา ทำหน้าที่งอเหยียดเวลานั่ง เดิน ยืน เมื่อใช้งานเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดการสึกของผิวข้อและหัวกระดูกต้นขา ปัญหาข้อสะโพกที่พบ ส่วนมากเกิดจากการขาดเลือดไปเลี้ยงกระดูกต้นขา การได้รับยาสเตียรอยด์ หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มาก ข้อสะโพกเสื่อมตามอายุและการใช้งานหรืออาจเกิดจากอุบัติเหตุ วิธีการรักษาข้อสะโพกเสื่อม ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูสภาพกล้ามเนื้อ การให้ยา การใช้อุปกรณ์ประคองการเดิน การส่องกล้องล้างข้อสะโพก การผ่าตัดเปลี่ยนแนวแกนกระดูก หรือในขั้นสุดท้าย คือ การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม ในปัจจุบันได้นำการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม ชนิด MIS THA มารักษาผู้ป่วย ซึ่งจะช่วยลดอาการช้ำของเนื้อเยื่อบริเวณข้อสะโพกในระหว่างการผ่าตัด และแผลผ่าตัดยังเล็กด้วย เทคนิคการผ่าตัด MIS THA มีหลายวิธี ได้แก่ mini posterior approach, mini anterior approach, anterolateral MIS THA และ nano hip surgery นอกจากนี้ยังมีการนำผิวสัมผัสข้อเทียมที่มีความคงทนและอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นมาเป็นทางเลือกในการผ่าตัด รวมทั้งยังสามารถผ่าตัดเปลี่ยนเฉพาะผิวของข้อสะโพกโดยไม่ต้องตัด กระดูกหัวสะโพกออก ข้อดีคือสามารถเก็บรักษากระดูกหัวสะโพกและกระดูกต้นขาไว้ใกล้เคียงปกติ ทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น โอกาสข้อสะโพกหลุดก็จะลดลง เมื่อผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเสร็จแล้ว แพทย์จะให้ผู้ป่วยฟื้นฟูสมรรถภาพด้วยการฝึกเดินกับไม้ค้ำยัน เพื่อให้กล้ามเนื้อและแผลสมานกันเป็นอย่างดี จากนั้นประมาณ 2-3 สัปดาห์ ผู้ป่วยก็จะเดินได้ตามปกติ โดยในช่วงแรก ๆ จะมีการใช้ยาช่วยบ้างตามสมควร แม้จะเดินได้คล่องเหมือนเดิมโดยไม่มีอาการเจ็บปวด แต่วิธีที่ดีที่สุด คือการรักษาข้อสะโพกให้เสื่อมช้าลง การดูแลต้องลดแรงกระทำที่มีต่อข้อสะโพก เช่น การนั่งยอง ๆ นั่งขัดสมาธิ พับเพียบ หลีกเลี่ยงการแบกของหนัก ลดแรงกระเทือน ทั้งจากการเล่นกีฬาหนัก ๆ รวมทั้งระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุที่ก่อให้ข้อสะโพกหลุด
|