ออกอากาศ : วันที่ 14 มิถุนายน 2552 เวลา 13.50 น. (โดยประมาณ) ณ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 |
เรื่อง:
|
ส่องกล้องรักษาทารกแฝด |
บทคัดย่อ:
|
สตรีที่ตั้งครรภ์แฝด ทางการแพทย์ถือเป็นภาวะแทรกซ้อนอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตทั้งคุณแม่และลูกในครรภ์ ปัจจุบันความก้าวหน้าทางการแพทย์ สามารถส่องกล้องรักษาทารกแฝดได้ ผศ.นพ.ตวงสิทธ์ วัฒกนารา ภาควิชาสูติศาสตร์ - นรีเวชวิทยา อธิบายว่า โดยปกติมดลูกของสตรีจะรองรับการตั้งครรภ์ทารกได้เพียงคนเดียว หากมีการตั้งครรภ์แฝด จะเกิดจากไข่ใบเดียวกันหรือคนละใบก็แล้วแต่ มีโอกาสสูงที่จะแท้งหรือพบความพิการแต่กำเนิด กรณีครรภ์แฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวทารกอาจมีหลอดเลือดเชื่อมต่อกัน ทำให้มีการถ่ายเทเลือดระหว่างทารกทั้งสอง โดยทารกคนหนึ่งจะเป็นคนถ่ายเลือด ทำให้มีพัฒนาการเติบโตช้า ผิดปกติ ในขณะที่ทารกอีกคนเป็นคนรับเลือด จึงมีขนาดตัวโตเกินไปปริมาณน้ำคร่ำก็จะมาก หากปล่อยไว้จะเกิดภาวะเลือดข้น บวมน้ำ หัวใจล้มเหลวและเสียชีวิตทั้งคู่ การดูแลคุณแม่ที่มีภาวะครรภ์แฝดเช่นนี้ แต่เดิมทำได้เพียงการตรวจติดตามด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์ ถ้าเด็กมีขนาดต่างกันค่อนข้างมากและเสี่ยงจะเสียชีวิตมากแล้ว ก็จะรีบผ่าตัดคลอดออกมา ซึ่งบ่อยครั้งเราได้ทารกที่คลอดก่อนกำหนดและมีอัตราการเสียชีวิตสูง แต่ปัจจุบัน แพทย์สามารถใช้กล้องส่องตรวจหรือฟีโตสโคป ซึ่งเป็นเครื่องมือส่องตรวจและรักษาทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เป็นการรักษาที่ต้นเหตุซึ่งได้ผลดีที่สุด การส่องกล้องตรวจทารก ใช้กล้องที่มีขนาดเล็กมากเพียง 2 มิลลิเมตรสอดเข้าไปในโพรงมดลูก แล้วใช้เลเซอร์กำลังต่ำจี้ตัดหลอดเลือดที่ผิดปกติบนแผ่นรกในครรภ์ให้ขาดออกจากกัน ทำให้การไหลเวียนของเลือดที่เชื่อมระหว่างทารกทั้งสองหยุดลง ช่วยให้ทารกเจริญเติบโตด้วยตนเอง การผ่าตัดใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่งโมงและพักฟื้นในโรงพยาบาล 2 วัน นอกจากนี้ การผ่าตัดรักษาด้วยวิธีส่องกล้อง ยังสามารถใช้แยกแฝดในครรภ์แบบกาฝากได้ และในอนาคตจะขยายผลการรักษาทารกในครรภ์ที่มีความพิการของกระดูกสันหลังและไส้เลื่อนกระบังลมด้วย ปัจจุบัน ศิริราชเป็นสถาบันแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ให้การดูแลรักษาทารกในครรภ์ ด้วยวิธีการผ่าตัดส่องกล้องอย่างเป็นระบบ |
|
กลับสู่หน้ารายการโทรทัศน์พบหมอศิริราช
|