ออกอากาศ : วันที่ 13 กรกฎาคม 2551 เวลา 13.50 น. (โดยประมาณ) ณ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 |
เรื่อง:
|
อุจจาระร่วง |
บทคัดย่อ:
|
ในอดีต โรคท้องร่วงถือเป็นโรคระบาดที่รุนแรงและรวดเร็วจนถึงขั้นเสียชีวิต แต่ในปัจจุบันได้ลดความรุนแรงลง เพราะมีระบบสุขาภิบาลที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามยังพบการติดเชื้ออยู่ อ.นพ.สมบูรณ์ อินทลาภาพร ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม อธิบายว่า โรคท้องร่วง อาจเรียกได้หลายอย่าง ตั้งแต่ท้องร่วง ท้องเสีย หรือท้องเดิน หมายถึง ภาวะที่ผู้ป่วยมีอาการถ่ายเป็นน้ำ หรือถ่ายเหลวมากกว่าวันละ 3 ครั้ง หรือถ่ายเป็นมูก หรือมูกปนเลือดเพียงครั้งเดียว ปกติทารกที่กินนมแม่ปกติอาจมีถ่ายอุจจาระเหลวบ่อยครั้งได้ ไม่ถือว่าเป็นอาการของท้องเดิน แต่ถ้าถ่ายเป็นน้ำจำนวนมากและบ่อยครั้งกว่าที่เคยเป็นถือว่าผิดปกติ โรคอุจจาระร่วง มักเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือพิษของเชื้อแบคทีเรียบางชนิดที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารและน้ำดื่ม ทำให้เกิดอาการท้องเดิน ส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรงและมักจะหายได้เองใน 1-2 วัน และมักไม่เกิน 1- 2 สัปดาห์ ส่วนน้อยอาจมีอาการรุนแรง มีการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ นอกจากอาการถ่ายเป็นน้ำ ถ่ายเหลว หรือถ่ายมีมูกเลือดปนแล้ว อาจมีอาการไข้ ปวดท้อง อาเจียนร่วมด้วย ซึ่งถ้าร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่มาก หากได้รับสารน้ำไม่ทันจะทำให้ช็อก เสียชีวิตได้ ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ ได้แก่ การรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อหรือสารพิษเข้าไป โดยเฉพาะอาหารที่มีแมลงวันตอม อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ และอาหารกระป๋องที่หมดอายุแล้ว การแพ้หรือไวต่ออาหารบางชนิด เช่น อาหารทะเล ก็ทำให้เกิดอาการได้ หรือการรับประทานยาระบาย ยาลดกรด ยาปฏิชีวนะ รวมทั้งสารเคมีหรือพืชที่เป็นพิษ เช่น ยาฆ่าแมลง เห็ดพิษ จะทำให้เกิดอาการปวดท้อง อาเจียน ร่วมกับปวดท้องรุนแรงได้ การรักษาไม่ให้เกิดอาการอุจจาระร่วงนั้น ทำได้โดยการรับประทานอาหารที่ปรุกสุกใหม่ ๆ ดื่มน้ำสะอาดที่ผ่านการต้ม หรือฆ่าเชื้อล้างมือและภาชนะให้สะอาดก่อนรับประทานอาหาร อีกทั้งกำจัดแมลงวัน อันเป็นแหล่งระบาดของโรค |
|
กลับสู่หน้ารายการโทรทัศน์พบหมอศิริราช
|