ออกอากาศ : วันที่ 20 เมษายน 2551 เวลา 13.50 น. (โดยประมาณ) ณ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 |
เรื่อง:
|
โรคตาเหล่ในเด็ก : รักษาได้ |
บทคัดย่อ:
|
โรคตาเหล่ในเด็ก เป็นภาวะที่ตาข้างซ้ายและข้างขวาไม่อยู่ในแนวเดียวกัน ทำให้ไม่สามารถมองเห็นสิ่งของด้วยตาทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน ผศ.นพ.ธรรมนูญ สุรชาติกำธรกุล ภาควิชาจักษุวิทยา อธิบายว่า โรคตาเหล่ในเด็กมักไม่ทราบสาเหตุ จากการตรวจพบว่าประมาณร้อยละ 5 ของเด็กที่เป็นโรคตาเหล่ และมากกว่าครึ่งหนึ่งจะตรวจพบความผิดปกติ ตั้งแต่แรกเกิด หรือภายในช่วงอายุ 6 เดือน ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอาการที่เป็น โดยอาการเริ่มแรกเด็กอาจมองเห็นภาพซ้อนกัน เพราะตาทั้ง 2 ข้างมองไปในจุดที่ต่างกัน จากนั้นสมองจะปรับให้ไม่สนใจภาพที่เห็นจากตาข้างหนึ่งเพื่อช่วยให้การเห็นภาพซ้อนนั้นหายไป แต่ในเด็กบางคนอาจเป็นตาเหล่สลับ คือตาขวามองวัตถุ ตาซ้ายจะเหล่กลับกัน และบางรายจะเป็นตาเหล่ตลอดเวลา หรือตาเหล่เป็นครั้งคราว หรือเป็นตาขี้เกียจ โดยเด็กจะใช้ตาขวามอง ทำให้ตาซ้ายจะเหล่ ลักษณะนี้ถือว่าตาซ้ายเป็นตาขี้เกียจ การรักษาในเด็กบางคนที่ตาเหล่เนื่องจากสายตายาว พวกนี้ถ้าใส่แว่นตาก็ทำให้ตาตรงได้ แต่ถ้าเป็นกรณีของตาขี้เกียจ จะรักษาด้วยการปิดตาข้างที่ดี เพื่อกระตุ้นให้ใช้ตาข้างที่ไม่ดี และถ้าเป็นตาขี้เกียจแล้วยังสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง ก็จะให้ใส่แว่นสายตาร่วมด้วยสำหรับการรักษาด้วยการผ่าตัด แพทย์จะตรวจเช็คประสาทตา ถ้าสายตาปกติ ไม่สั้น ไม่ยาว และไม่เอียงรวมทั้งไม่เป็นสายตาขี้เกียจ ก่อนผ่าตัดแพทย์จะตรวจเช็คมุมเหล่ของสายตา จากนั้นให้เด็กดมยาสลบเพื่อทำการผ่าตัด ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หลังการผ่าตัดจะมีตาแดง ๆ ตรงเยื่อตาประมาณ 1 สัปดาห์ ในช่วงนี้ต้องระวังอย่าให้น้ำเข้าตา ปกติคนที่ตาตรงได้จะเกิดจากตาต้องมองเห็นชัด สมองต้องควบคุมได้ดี ถ้าสมองควบคุมไม่ดีก็จะเกิดตาเหล่ ดังนั้นการตรวจและรักษาโรคตาเหล่ในเด็กจะให้ผลการรักษาทีดี เพราะเมื่อรักษาเร็ว การควบคุมของสมองจะปรับการมองเห็นให้เป็นปกติคือ เห็นภาพ 3 มิติ แต่ถ้าไปรอรักษาตอนโตจะได้ผลเพียงความสวยงามและบุคลิกภาพที่ดีเท่านั้นครับ หลังการผ่าตัดอาการตาเหล่จะเป็นตาปกติ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปพบจักษุแพทย์ทันทีที่พบความผิดปกติ อย่ารอจนลูกโตแล้วค่อยรักษาเพราะจะแก้ปัญหาได้ไม่ทั้งหมด |
|
กลับสู่หน้ารายการโทรทัศน์พบหมอศิริราช
|