คู่มือเรื่องโรคหูดหงอนไก่

คู่มือเรื่องโรคหูดหงอนไก่

นางชนากานต์ เกิดกลิ่นหอม

นางเพียงเพ็ญ ธัญญะตุลย์
ที่ปรึกษา อาจารย์แพทย์หญิงเจนจิต  ฉายะจินดา

ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์มานพชัย  ธรรมคันโท

รองศาสตราจารย์นายแพทย์ อัมพัน เฉลิมโชคเจริญกิจ

หน่วยโรคติดเชื้อทางนรีเวชและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สตรี

ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital

คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

 

              โรคหูดหงอนไก่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อฮิวแมนแปบปิโลมาไวรัส (Human papilloma virus) หรือเรียกสั้นๆว่า HPV   โรคนี้เป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ในเด็กมักมีอาการที่ฝ่ามือฝ่าเท้า ในผู้ใหญ่พบบ่อยในวัยเจริญพันธุ์ คือ ในช่วงอายุ  16-25 ปี เชื้อชนิดนี้ชอบอยู่บริเวณที่อับชื้น ทำให้เกิดรอยโรคที่อวัยวะสืบพันธุ์

 

การติดต่อ

               1.  ทางเพศสัมพันธ์ พบประมาณ 50 -70 % ส่วนใหญ่พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

               2.  จากแม่ไปสู่ลูก พบในกรณีที่ทารกคลอดผ่านช่องคลอดของมารดาที่เป็นโรคหูดหงอนไก่ แต่พบได้จำนวนน้อย

ระยะฟักตัว  

               ประมาณ 3 สัปดาห์ถึง 8 เดือน โดยเฉลี่ยประมาณ 2 -3 เดือน แต่ผู้ที่สัมผัสเชื้อนี้ไม่ได้ติดโรคทุกราย ขึ้นอยู่กับภาวะภูมิคุ้มกันและจำนวนเชื้อที่ได้รับ ในหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อนี้จะมีอาการของโรคมากกว่าคนที่ไม่ตั้งครรภ์

อาการ

               เริ่มจากรอยโรคเล็กๆแล้วขยายตัวใหญ่ขึ้น เป็นติ่งเนื้อขรุขระคล้ายหงอนไก่ บางชนิดไม่เป็นติ่งแต่มีลักษณะแบนราบ ผิวขรุขระ บางชนิดมีขนาดใหญ่มากและผิวขรุขระคล้ายดอกกะหล่ำ ผู้ที่เป็นโรคนี้มีโอกาสติดเชื้อกามโรคอื่นร่วมด้วย เช่น ซิฟิลิส หนองใน พยาธิในช่องคลอด  การติดเชื้อเหล่านี้ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะแสบ มีตกขาว คัน หรือมีแผลที่อวัยวะเพศเพิ่มขึ้น

       ตำแหน่งที่พบ

              ในผู้หญิง  พบได้ที่ปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ปากมดลูกทวารหนักและบริเวณฝีเย็บ หูดจะเริ่มจากขนาดเล็กๆและโตขึ้นเรื่อยๆ การตั้งครรภ์จะทำให้หูดโตเร็วกว่าปกติ

            ในผู้ชาย  มักพบใต้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ เส้นสองสลึง และรูเปิดท่อปัสสาวะ และอาจพบบริเวณรอบทวารหนักในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก

             ในทารกที่คลอดผ่านช่องคลอดของมารดาที่มีหูดหงอนไก่ อาจจะทำให้เกิดโรคซึ่งมีอาการแตกต่างกัน ตั้งแต่เสียงแหบจนถึงมีการอุดกั้นของกล่องเสียง

 

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

        1.    มีคู่นอนหลายคน

        2.    มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย

        3.    มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ

        4.    คู่นอนมีการติดเชื้อหูดหงอนไก่       

 

การเลือกใช้วิธีการรักษาชนิดใดนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างดังต่อไปนี้

              1.  อาการของโรค

              2.  ค่าใช้จ่ายในการรักษา

              3.  การเดินทางของผู้ป่วย

              4.  ดุลพินิจของแพทย์

              5.  ตำแหน่งที่เป็น

              6.  การตั้งครรภ์

 

การรักษา

               1. การจี้ด้วยสารเคมี เช่น 80% กรดไตรคลอโรอะเซติค (Trichloroacetic acid)  และ 25% โพโดฟิลลีน   (Podophyllin)  จี้บริเวณที่เป็นหูดโดยบุคลากรทางการแพทย์สัปดาห์ละครั้ง ติดต่อกันทุกสัปดาห์จนหาย  ถ้า  รักษาติดต่อกันเกิน 6 ครั้งแล้วไม่ดีขึ้น แพทย์จะพิจารณารักษาด้วยวิธีอื่น หลังจี้ยาประมาณ 1 ชั่วโมงไม่ควรให้บริเวณที่ถูกจี้โดนน้ำ

               2. การใช้ยาทาบริเวณที่เป็นหูด เช่น  5% อิมิควิโมดครีม  (5% Imiquimod  cream) จะช่วยลดปริมาณไวรัสทำให้หูดหายไปและยังช่วยลดอัตราการกลับเป็นซ้ำของโรค อีกทั้งสะดวกในการใช้เพราะผู้ป่วยสามารถนำกลับไปทา เองที่บ้านได้ แต่มีข้อเสียคือ   ราคาแพง

               3. การผ่าตัด ทำได้หลายวิธี คือ

               3.1  การจี้หรือการตัดออกด้วยไฟฟ้า

               3.2  การจี้หรือตัดออกโดยใช้ความเย็นจัด

               3.3  การผ่าตัดด้วยแสงเลเซอร์ มักใช้รักษาหูดที่มีขนาดใหญ่

 

            หากท่านมีข้อสงสัยใดหรือต้องการรับการตรวจคัดกรองโรคหูดหงอนไก่  กรุณาติดต่อได้ที่ หน่วยโรคติดเชื้อทางนรีเวชและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สตรี (คลินิก 309) โทรศัพท์ 02-412-9689 หรือ 02-419-7377  เวลา  07.00-15.30น.

เอกสารประกอบ

ดาวน์โหลด