ใหญ่เล็ก... เกี่ยวหรือไม่กับปริมาณน้ำนม

ใหญ่เล็ก... เกี่ยวหรือไม่กับปริมาณน้ำนม

รศ.นพ.พฤหัส จันทร์ประภาพ
ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

            น้ำนมของแม่ เราต่างก็รู้ว่าเป็นอาหารชั้นยอดของทารกที่จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตทั้งร่างกายและสติปัญญา และหนึ่งในข้อสงสัยยอดฮิตของหลาย ๆ ท่านคือ ขนาดของเต้านมมารดาจะมีผลต่อปริมาณน้ำนมหรือไม่ ซึ่งคำถามนี้คงทำให้สุภาพสตรีจำนวนมากเป็นกังวล วันนี้มีคำตอบไปติดตามให้หายข้องใจกันเลยครับ

“น้ำนม” มาจากไหนนะ
            โดยพื้นฐานแล้ว น้ำนมจะถูกสร้างและผลิตมาจากเซลล์ที่บุอยู่ภายในกระเปาะเล็ก ๆ ของเนื้อเต้านม ซึ่งเซลล์เหล่านี้ได้รับการหล่อเลี้ยงจากเส้นเลือดบริเวณหน้าอก น้ำนมที่ผลิตได้ทีละเล็กละน้อยจะถูกเก็บสะสมไว้ภายใน ขณะที่คุณแม่ให้นมลูกน้ำนมที่เก็บไว้จะถูกขับออกมาจากกระเปราะผ่านไปตามท่อน้ำนมและไหลออกมาทางหัวนมให้ลูกได้ดื่ม โดยในน้ำนมแม่นั้นประกอบไปด้วยสัดส่วนของไขมันสูงกว่า แต่มีส่วนที่เป็นโปรตีนน้อยกว่านมวัย ซึ่งเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับทารกเนื่องจากไขมันเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาสมองและระบบประสาทของทารก โดยเฉพาะในช่วงขวบปีแรก ส่วนโปรตีนนั้นยังไม่ได้มีความจำเป็นต่อทารกมากนัก และยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทารกแพ้โปรตีนที่ได้จากนมวัวอีกด้วย ดังนั้นความเข้าใจที่เมื่อตั้งครรภ์ควรดื่มนมวัวเยอะ ๆ จึงไม่มีจำเป็น และบางทีอาจเป็นสาเหตุไปกระตุ้นให้ทารกแพ้โปรตีนจากนมวัวได้อีกด้วย
             * เมื่อคุณแม่คลอดในช่วง 3 ถึง 5 วันแรก ที่เรียกว่าจะมีน้ำนมเหลือง “คอลอสตรัม” ที่มีสีเหลือง ซึ่งยังอุดมไปด้วยสารภูมิคุ้มกันโรคที่จะช่วยป้องกันโรคให้แก่ทารกแรกเกิด

จริงหรือไม่ ปริมาณน้ำนมขึ้นอยู่กับขนาดเต้านม

            ไม่จริงครับ เพราะนมแม่เป็นต่อมชนิดหนึ่งเหมือนต่อมเหงื่อ แบ่งเป็นกลีบประมาณ 10–15 กลีบ ประกอบด้วย 2 ส่วนสำคัญ คือ
          -ส่วนที่เป็นต่อมและท่อ ซึ่งมีหน้าที่หลักในการผลิตและลำเลียงน้ำนม
          -ส่วนที่เป็นเนื้อเยื่อข้างเคียง และทำหน้าที่เหมือนเป็นโครงช่วยประสานให้ส่วนของต่อมและท่อเกาะกลุ่มกันเป็นรูปทรง เป็นส่วนที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งขนาดของเต้านมจะใหญ่หรือเล็กก็เนื่องมาจากส่วนเนื้อเยื่อไขมันเหล่านี้ ซึ่งไม่ได้มีผลต่อการสร้างปริมาณน้ำนมแต่อย่างใด

แล้วอะไรล่ะที่มีผลกับปริมาณน้ำนม
            จริง ๆ แล้วสิ่งที่มีผลต่อปริมาณน้ำนมที่แม่ผลิต คือ “โปรแลคติน”ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญที่กระตุ้นให้เซลล์ผลิตน้ำนมออกมา ฮอร์โมนตัวนี้ผลิตขึ้นที่ต่อมใต้สมองของคุณแม่ และจะหลั่งออกมาในปริมาณมากขณะตั้งครรภ์ และจะลดปริมาณลงทันทีหลังคลอด อย่างไรก็ตามระดับโปรแลคตินนี้จะเพิ่มสูงขึ้นทันที หลังคุณแม่ให้ลูกดูดนม และลดลงอย่างรวดเร็วหลังให้นมเสร็จ ดังนั้นคุณแม่ที่ให้ลูกดูดนมบ่อย ๆ ก็เท่ากับเป็นการกระตุ้นการหลั่งโปรแลคติน นั่นเอง

            “นมแม่”อุดมไปด้วยสารอาหาร แร่ธาตุ ในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของทารกและง่ายต่อการดูดซึม และยังมีส่วนที่ออกฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงสารภูมิคุ้มกันโรคที่ถ่ายทอดจากแม่ไปสู่ลูก”เปรียบเสมือนวัคซีนนั่นเอง”
            ในทางตรงข้ามคุณแม่ที่ไม่ได้ให้ลูกดูดนมอย่างต่อเนื่อง หรือมีความเครียดสูง ก็จะส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนโปรแลคตินเช่นกัน ดังนั้นปริมาณน้ำนมที่ผลิตจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความถี่ในการกระตุ้นเป็นสำคัญ ซึ่งอาจมาจากทารกดูดเองจากเต้าหรือจากคุณแม่บีบกระตุ้น เพื่อเก็บน้ำนมเองก็ได้

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการให้นมแม่

           1.ด้านคุณแม่ ลักษณะหัวนม เช่น หัวนมสั้นหรือบอดบุ๋ม มีลานหัวนมตึง ทำให้ทารกดูดนมได้ลำบาก ความเครียด หรือวิตกกังวลในการเลี้ยงลูก ทำให้พักผ่อนไม่พอเพียง รวมถึงมีสุขภาพส่วนตัวที่ไม่ดีอยู่ก่อน เช่น เป็นโรคหัวใจ หรือโรคไตวายเรื้อรัง เป็นต้น
           2.ด้านลูก ทารกอมหัวนมไม่ถูกต้อง เนื่องจากไม่ได้รับการฝึกที่ถูกต้อง ทารกบางคนมีพังผืดใต้ลิ้น ซึ่งอาจต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไขดูแลเป็นพิเศษ
           3.ด้านครอบครัวและสังคม คุณแม่ที่เพิ่งคลอดควรได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากสมาชิกในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อหรือสมาชิกคนอื่น ๆ ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ส่วนทางสังคมไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานหรือชุมชน ควรส่งเสริมหรือให้ความสำคัญกับการเลี้ยงลูกด้วยนม เช่นจัดหามุมให้นมแม่ หรือห้องสะอาดสำหรับเก็บน้ำนมในที่ทำงาน เป็นต้น การที่ลูกได้รับน้ำนมแม่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าคุณแม่จะกลับไปทำงานแล้วจะช่วยให้ลูกแข็งแรงและไม่ป่วยบ่อย ซึ่งมีผลต่อการทำงานของคุณแม่อย่างมาก

เคล็ดลับการสร้างน้ำนม
            มีการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ ซึ่งยืนยันได้ว่าการรับประทานอาหารของคุณแม่มีผลโดยตรงกับการผลิตน้ำนม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพบว่าอาหารพื้นบ้าน เช่น แกงเลียง ยำหัวปลี ช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างปริมาณน้ำนมเพิ่มขึ้น
*การรับประทานยาที่ช่วยขับน้ำนมนั้น มีความจำเป็นน้อยและไม่ควรซื้อมารับประทานเอง ยกเว้นในบางกรณีซึ่งควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

           การให้นมแม่ ถือเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่และลูกได้สัมผัสกันอย่างแนบชิด ซึ่งทำให้เกิดความรักความผูกพัน การกอดลูกขณะให้นมแม่นั้น ถือเป็นการกระตุ้นระบบประสาทของทารกที่มีประสิทธิภาพสูงมาก และทำให้ทารกมีพัฒนาการที่เร็วกว่าทารกที่ไม่ได้รับการกระตุ้น
          หากเปรียบลูกคือ สิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติมอบให้กับคุณพ่อและคุณแม่ น้ำนมก็คงจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการดูแลรักษาสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติมอบมาให้เช่นกันครับ.


 

 

 

เอกสารประกอบ

ดาวน์โหลด