เรื่องกรดไหลย้อน... ที่ควรรู้

เรื่องกรดไหลย้อน... ที่ควรรู้

รศ. นพ. ปารยะ   อาศนะเสน
ภาคาวิชาโสตนาสิก  ราลิงค์วิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

  มีคนมากมายที่ต้องทรมานกับโรคกรดไหลย้อน วันนี้เรามีข้อมูลที่ควรรู้มาฝากครับ 
 
             1. อาการเรอ คลื่นไส้ หรือมีน้ำย่อยไหลย้อนขึ้นมาที่อกหรือคอ เกิดจากความดันที่ช่องท้องเพิ่มมากขึ้น  สาเหตุจาก
                 •  กินอาหารมากเกินไปในแต่ละมื้อ
                 •  อาหารมีส่วนอย่างมาก
                - ประเภทมันๆที่ปรุงด้วยการผัดและทอดทุกชนิดจะย่อยยาก ทำให้ท้องอืดได้ง่าย   
                 -  ส่วนน้ำเต้าหู้และน้ำอัดลม จะทำให้เกิดแก๊สในช่องท้องมาก 
                 -  รวมทั้งชา กาแฟ จะทำให้กล้ามเนื้อหูรูดระหว่างกระเพาะและหลอดอาหารส่วนปลายหย่อน  
                 -  หากอยากดื่มนม ควรดื่มเฉพาะนมไร้ไขมัน (FAT=0%) ส่วนไข่ ควรกินเฉพาะไข่ขาว เนื่องจากไขมันในนมหรือไข่แดงนั้นย่อยยาก จึงทำให้การเคลื่อนตัวของกระเพาะอาหารช้า 
                  •  น้ำหนักตัวที่เพิ่ม หรือเกินค่าปกติ  
                  •  ท้องผูก ทำให้ต้องเบ่งเวลาถ่ายผลตามมาคือ ความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น  อาจต้องกินยาถ่ายช่วย ซึ่งเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ควรแก้ที่ต้นเหตุโดยดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น ดื่มแต่น้อยแต่บ่อย ๆ และกินผักผลไม้ที่มีกากให้มากขึ้นก็จะช่วยในเรื่องขับถ่ายได้ 
                  •  ขาดการออกกำลังกาย จากการศึกษาพบว่าคนที่ออกกำลังกายแบบแอโรบิกจะทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้เคลื่อนตัวได้ดี  และยังลดอาการท้องอืด จุก เสียด แน่นท้อง นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือด ปอด หัวใจทำงานดีขึ้น ลดระดับไขมันในเลือดเพื่อป้องกันโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โดยออกกำลังกายต่อเนื่องวันละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน เช่น วิ่ง เดินเร็ว ขึ้นลงบันได ว่ายน้ำ ขี่จักรยานฝืดแบบปรับน้ำหนักใน FITNESS เตะฟุตบอล  เล่นเทนนิส  แบดมินตัน หรือบาสเกตบอล

                2. เสียงแหบ เกิดจากกรดที่ไหลย้อนขึ้นมาไปสัมผัสสายเสียงที่อยู่ทางด้านหน้า ทำให้สายเสียงบวม  ปิดไม่สนิท เกิดลมรั่ว ทำให้มีเสียงแหบได้ สาเหตุที่มีเสียงแหบตอนเช้า เกิดจากเวลาเรานอน กรดจะไหลได้ง่ายกว่าเวลาที่เรานั่งหรือยืน  สายเสียงจึงถูกกรดสัมผัสมากกว่าช่วงอื่น ๆ ของวัน ทำให้ขณะตื่นมาตอนเช้า มีเสียงแหบได้ 
                3. ไอเรื้อรัง เกิดจากกรดไหลย้อนลงไปในหลอดลม ทำให้เกิดภาวะหลอดลมอักเสบเรื้อรัง  ที่แย่กว่านั้น บางรายอาจเกิดอาการหอบหืด โดยหลอดลมจะมีความไวต่อสิ่งกระตุ้น เช่น ของฉุน ฝุ่น  ควัน อากาศที่ เปลี่ยนแปลงมากผิดปกติ  อาการไอหลังกินอาหารเกิดจากอาหารทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้น  จนกรดไหลลงไปในหลอดลมได้  ส่วนการที่ไอตอนกลางคืน หรือก่อนนอนมักเกิดจาก 
                   •  ห้องนอนอาจรก มีฝุ่นมาก เวลาสูดหายใจเข้าไป จะไปกระตุ้นภาวะหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ทำให้ไอกลางคืนหรือไอช่วงเช้า คล้ายคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ จึงควรจัดห้องนอนให้โล่งและสะอาด
                   • อากาศในห้องนอนอาจเย็นเกินไป ควรพยายามหลีกเลี่ยงอากาศเย็น โดยเฉพาะแอร์ พัดลมเป่า  ถ้าต้องการเปิดแอร์ ควรตั้งอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศให้สูงกว่า 25 องศาเซลเซียส เพื่อไม่ให้อากาศเย็นจนเกินไป ในกรณีที่ใช้พัดลมไม่ควรเปิดเบอร์แรงสุด และควรให้พัดลมส่ายไปมา ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศจากเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมโดยตรง ควรนอนอยู่ห่างจากเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมพอสมควร ไม่ควรเปิดแอร์หรือพัดลมจ่อ ควรให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายให้เพียงพอ เช่น นอนห่มผ้า ถ้าจะให้ดี ควรใส่ถุงเท้า หรือผ้าพันคอเวลานอนด้วย ในกรณีที่ไม่ชอบห่มผ้าหรือห่มแล้วชอบสะบัดหลุดโดยไม่รู้ตัว ควรใส่เสื้อหนา ๆ หรือใส่เสื้อ 2 ชั้น และกางเกงขายาวเข้านอน  

                4. อาการที่รู้สึกคล้ายมีก้อนในคอหรือแน่นคอ หรือกลืนติด ๆ ขัด ๆ หรือกลืนลำบาก คล้ายมีสิ่งแปลกปลอมในคอ เกิดจากกรดไหลย้อนไปสัมผัสกับกล้ามเนื้อคอ ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว และเกิดความรู้สึกดังกล่าว  การกินยาคลายกล้ามเนื้อก่อนนอน อาจช่วยให้อาการดังกล่าวลดน้อยลง บางรายอาจมีอาการกลืนเจ็บ เจ็บคอ  แสบคอ หรือปาก หรือแสบลิ้นได้ 
 
                5. การที่มีเสมหะอยู่ในคอตลอด เกิดจากการที่กรดไหลขึ้นมา สัมผัสกับต่อมสร้างเสมหะในลำคอ และกระตุ้นทำให้ต่อมดังกล่าวทำงานมากขึ้น นอกจากนี้การที่กรดไปกระตุ้นเส้นประสาทในคอ อาจทำให้มีอาการคันคอ แสบคอ เจ็บคอ หรือระคายคอได้  

                6. อาการเจ็บหน้าอก เกิดจากกรดไหลย้อนขึ้นมาผ่านหลอดอาหารที่อยู่ในช่องอก และกระตุ้นเส้นประสาทในหลอดอาหารทำให้มีอาการดังกล่าวได้ และเมื่อกรดไหลลงไปในหลอดลมและปอด อาจทำให้มีการอักเสบของปอดเป็น ๆ หาย ๆ ได้

                7.  อาการไอ สำลักน้ำลาย หรือหายใจไม่ออกในเวลากลางคืน เกิดจากกรดไหลลงไปในหลอดลม ทำให้หลอดลมอักเสบ และมีการหดตัวของหลอดลม ที่มักเป็นในเวลากลางคืน  เนื่องจากเวลาเรานอน กรดจะไหลได้ง่ายกว่าเวลาที่เรานั่งหรือยืน

                8.  การที่กรดไหลย้อนออกไปนอกหลอดอาหาร อาจไปถึง
                    •  เยื่อบุจมูกทางด้านบน ทำให้มีอาการคัน จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล หรือมีเสมหะไหลลงคอได้ หรือทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ของจมูกอยู่แล้ว มีอาการแย่ลงได้ 
                    •  ถ้ากรดขึ้นไปสูงถึงรูเปิดของหูชั้นกลางที่อยู่ที่โพรงหลังจมูก อาจทำให้รูเปิดดังกล่าวบวม ทำให้ท่อยูสเตเชี่ยนที่เชื่อมต่อระหว่างหูชั้นกลางและโพรงหลังจมูกทำหน้าที่ผิดปกติไป เกิดหูอื้อ เสียงดังในหูเป็น ๆ หาย ๆ หรือมีอาการปวดหูได้
                    •  ถ้ากรดไหลเข้าไปในช่องปาก อาจกระตุ้นต่อมสร้างน้ำลาย ทำให้มีน้ำลายมากผิดปกติ หรือกรดไปกัดกร่อนฟัน ทำให้เกิดฟันผุหรือเสียวฟันได้ การที่กรดไหลย้อนขึ้นมา ทำให้พาเอากลิ่นอาหารในกระเพาะอาหารขึ้นมาด้วย จึงอาจเป็นสาเหตุของการมีกลิ่นปากได้

                 9. โรคนี้หมอมิได้ให้ผู้ป่วยกินยาตลอดชีวิต เมื่อผู้ป่วยปรับเปลี่ยนนิสัย และการดำเนินชีวิตประจำวันได้  ทั้งนิสัยส่วนตัว การกินอาหาร และนิสัยการนอน หมอจะค่อย ๆ ลดขนาดยาลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งหยุดยาได้  สิ่งสำคัญคือไม่ควรปรับยากินเองในระยะแรก นอกจากหมอจะอนุญาต ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นหลังให้การรักษาประมาณ 1–3 เดือน   

           ทั้งนี้อาการจะดีขึ้นเร็วหรือช้า อยู่ที่การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยเป็นสำคัญ และแม้ว่าหมอจะให้หยุดยาแล้ว ไม่ได้หมายความว่าโรคนี้จะหายขาด ผู้ป่วยอาจมีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ได้  
 

 

 

 


เอกสารประกอบ

ดาวน์โหลด