เมื่อเอดส์เกิดมากับลูกน้อย
เมื่อเอดส์เกิดมากับลูกน้อย
รศ.พญ. กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ
ภาวิชากุมารเวชศาสตร์
Faculty of
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
โรคเอดส์เกิดจากการติดเชื้อเอชไอวีปัจจุบันทั่วโลกมีเด็กติดเชื้อเอชไอวีเกิดขึ้นใหม่ประมาณ 7 แสนคนต่อปี สำหรับประเทศไทยมีผู้ป่วยเด็กประมาณ 30,000 คน เสียชีวิตไปแล้วประมาณ 10,000 คน ปัญหาที่สำคัญ คือ เด็กเหล่านี้มักกำพร้าพ่อ-แม่ตั้งแต่อายุยังน้อย ในส่วนของเด็กที่ไม่ติดเชื้อแต่เกิดจากมารดาที่ติดเชื้อก็มีปัญหาเช่นกัน นับว่าเอดส์ทำให้เกิดปัญหาเด็กกำพร้าขึ้นประมาณ 150,000 ครอบครัวแล้ว... ปัจจุบันมีการใช้ยาต้านไวรัสป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก ทำให้มีอัตราเด็กติดเชื้อเกิดใหม่ลดลงมาก จากที่เคยมีสูงถึง 2,000 คนต่อปี เหลือประมาณ 300 คนต่อปี
โดยส่วนใหญ่เด็กจะติดเชื้อเอชไอวีขณะอยู่ในครรภ์ หรือในระหว่างคลอด และอาจได้รับเชื้อจากนมมารดา หากทารกกินนมมารดาที่ติดเชื้อด้วยส่วนการติดเชื้อโดยวิธีอื่น เช่น การได้รับเลือด มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากในระยะหลังเพราะมีการตรวจคัดกรองเลือดที่มาบริจาคอย่างมีประสิทธิภาพ
ถ้าพ่อและแม่เป็นเอดส์ ลูกจะต้องเป็นด้วยเสมอไปหรือไม่ ?
การติดเชื้อในเด็ก เกิดในช่วงที่อยู่ในครรภ์มารดา หรือระหว่างคลอด สำหรับประเทศไทยไม่แนะนำให้ทารกที่เกิดจากมารดาที่ติดเชื้อกินนมแม่ จึงไม่พบการติดเชื้อภายหลังการคลอด ส่วนการติดเชื้อในบิดาจะไม่มีการติดต่อมายังบุตร
หากมารดาไม่ได้รับยาต้านไวรัสใด ๆ แต่ทารกไม่ได้กินนมมารดา ทารกจะมีโอกาสติดเชื้อจากมารดาประมาณ 1 ใน 4 หรือ 25 % แต่ถ้ามารดาได้รับยาต้านไวรัส Zidovudine (AZT) เพียงตัวเดียวในช่วงไม่นานก่อนคลอด และทารกได้รับยา AZT ด้วย พบว่าจะลดการติดเชื้อเหลือประมาณ 7 - 8 % แต่หากมารดาได้รับยา 2 ตัวเช่น zidovudine ( AZT)+ lamivudine (3TC) หรือได้รับ AZT ตั้งแต่ครรภ์ 28 สัปดาห์ ร่วมกับ Nepirapine (NVP) 1 ครั้งตอนคลอด และทารกได้อีก 1 ครั้ง จะลดการติดเชื้อเหลือเพียงไม่เกิน 3 % และถ้าหากมารดาได้รับยา 3 ขนาน นานกว่า 4 สัปดาห์ก่อนคลอด ทารกจะติดเชื้อประมาณ 1 - 2 % เท่านั้น นอกจากนี้การคลอดโดยการผ่าตัดทางหน้าท้อง (Caesaren section) ก่อนจะเจ็บครรภ์หรือมีน้ำเดิน จะช่วยลดอันตรายการเกิดเชื้อในทารกลงไปได้อีก
สถานพยาบาลปัจจุบัน จะเน้นการดูแลรักษามารดาระหว่างตั้งครรภ์เป็นอย่างมากเพื่อป้องกันการติดเชื้อในทารก ซึ่งหากทำได้ดี จะมีผู้ป่วยเด็กรายใหม่เกิดน้อยมาก ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรยาต้านไวรัส สำหรับหญิงตั้งครรภ์ทั่วประเทศ เป็นยา AZT และ NVP นอกจากนี้ยังให้นมผงแก่ทารกนาน 1 ปี อย่างเพียงพอทั่วประเทศ จึงทำให้ประเทศได้รับการยกย่องเป็นตัวอย่างประเทศที่มีการให้ระบบบริการเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การตรวจเลือดเพื่อค้นหาการติดเชื้อในหญิงตั้งครรภ์ จึงเป็นที่แนะนำให้ทำทุกราย คาดว่าในอนาคตจะมีเด็กติดเชื้อรายใหม่เกิดขึ้นน้อย ทำให้จำนวนผู้ป่วยไม่เพิ่มขึ้น จะทำให้มีทรัพยากรเหลือมาดูแลรักษาเด็กที่ติดเชื้อไปแล้วได้ดีมากยิ่งขึ้น
การดูแลรักษาเด็กที่ติดเชื้อในปัจจุบัน มีวิทยาการก้าวหน้าเพียงใด ?
ปัจจุบันมียาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งเมื่อนำมาใช้หลายตัวรวมกันจะเป็นสูตรที่มีประสิทธิภาพดีมาก ทำให้ผู้ป่วยมีสุขภาพแข็งแรงใกล้เคียงกับเด็กปกติ ยาสูตรพื้นฐานสูตรแรกคือ ยากลุ่ม nucleoside reverse transcriptase 2 ตัว ร่วมกัน ยากลุ่ม non- nucleoside reverse transcriptase อีก 1 ตัว ยาที่ใช้ ได้แก่ zidovudine (หรือ stavudine) ร่วมกับ lamivudine ร่วมกับ nevirapine มีการผลิตแบบรวมในเม็ดเดียวกัน ซึ่งสามารถผลิตได้เองโดยองค์การเภสัชกรรม มีราคาถูกลงมาก ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง
อย่างไรก็ดี ยาต้านไวรัส ต้องกินตลอดไป และมีโอกาสที่จะเกิดปัญหาเชื้อดื้อยาขึ้นได้ โดยเฉพาะหากกินไม่สม่ำเสมอตรงเวลา จะมีการดื้อยาเกิดง่ายขึ้นจำเป็นต้องใช้ยาสูตรใหม่ เช่น กลุ่ม protease inhibitor ซึ่งมักเป็นยาที่มีราคาแพง เพราะยังไม่สามารถผลิตเองได้ และมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้มากขึ้น แต่ก็มียาดี ๆ ทีมีประสิทธิภาพสูง พัฒนาออกมาใหม่เรื่อยๆ ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสมีชีวิตยืนยาวใกล้เคียงคนที่ไม่ติดเชื้อ แต่การใช้ยาใหม่ๆ ในผู้ป่วยเด็กมักจะทำได้จำกัดกว่าผู้ใหญ่
การดูแลเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวี มีหลักปฏิบัติอย่างไรบ้าง ?
เด็กที่ติดเชื้อต้องดูแลสุขภาพทั่วไปให้มีสุขอนามัยที่ดี เพื่อลดความเสี่ยงต่อ การเจ็บป่วยซ้ำเติม เพราะภาวะภูมิคุ้มกันของร่างกาย อาจจะไม่ปกติในบางช่วงได้ สุขอนามัยควรเริ่มปฏิบัติตั้งแต่วัยทารก ให้อาหารที่สะอาดเพียงพอ ครบทุกหมู่ ระวังอาหารหวาน และการคานมขวดจนหลับ เพราะมักเป็นสาเหตุของภาวะฟันผุอย่างแรงได้ การรักษาสุขอนามัยทั่วไป เช่น อาบน้ำ แปรงฟัน ตัดเล็บ ล้างมือ ต้องเน้นย้ำมากกว่าปกติ แนะนำให้ดื่มน้ำสุกเสมอ และไม่ให้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ต้องมีการสัมผัส เช่น สุนัข แมว ควรส่งเสริมให้เด็กออกกำลังกาย และมีกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัย ไปโรงเรียนตามปกติ โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้โรงเรียนทราบว่าเป็นโรคนี้ แต่ต้องหลีกเลี่ยงภาวะที่ต้องมีการกระทบกระแทกมีเลือดออก เด็กเหล่านี้สามารถเล่นกีฬาได้ แต่ไม่ควรเล่นกีฬาที่อาจมีการกระทบกระแทกร่างกายได้
การฝึกระเบียบวินัยเป็นเรื่องสำคัญ เพราะต้องกินยาอย่างเคร่งครัด ตรงเวลาตลอดชีวิต การเลี้ยงดูแบบเอาอกเอาใจเกินไป หรือแบบไม่สนใจ จะทำให้เด็กมีปัญหาในการดูแลตนเองต่อไป เด็กที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างเหมาะสม สามารถปรับตัวเองในการกินยาได้ดี ในเด็กเล็กคำอธิบายที่เหมาะสมกับวัยให้เข้าใจว่าทำไมต้องกินยาโดยยังไม่ต้องบอกชื่อโรค จะช่วยให้เด็กร่วมมือดีขึ้น ความรักความอบอุ่นในครอบครัว จะลดปัญหาการต่อต้านได้ บางครั้งยาที่ใช้ต้องเป็นยาเม็ด ต้องมีการตัดแบ่งหรือบด จำเป็นต้องมีการฝึกสอนให้ผู้ปกครองทำได้อย่างถูกต้อง การกินยาให้ถูกต้องจะลดโอกาสที่เกิดเชื้อดื้อยาได้มาก
เด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีจะมีโอกาสใช้ชีวิตแบบเด็กปกติได้หรือไม่ ?
แนวทางการดูแลเด็กเหล่านี้ คือ ทำให้เด็กมีชีวิตใกล้เคียงกับเด็กปกติมากที่สุด แม้ยาต้านไวรัสทำให้เด็กมีชีวิตยืนยาวจนโตได้
แม้ว่าเด็กที่ติดเชื้อบางคนยังมีความเจ็บป่วย ผ่ายผอม และมีสภาพร่างกายที่ไม่ปกติ แต่เด็กจำนวนมากโดยเฉพาะกลุ่มที่เกิดมาในช่วงที่มียาต้านไวรัสใช้ จะดูภายนอกเหมือนเด็กปกติทุกประการ สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนปกติ แต่ต้องกินอย่างเคร่งครัดและมาติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอ
มีเด็กจำนวนมากหนึ่งกำลังเติบโตเข้าสู่วัยรุ่น และอาจจะเริ่มมีเพศสัมพันธ์ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องให้เด็กรู้ว่าตนเองเป็นโรคอะไร และสอนให้เด็กเกิดความรู้ความเข้าใจก่อนจะเข้าสู่วัยรุ่น ในต่างประเทศมีเด็กติดเชื้อตั้งแต่เกิดจำนวนหนึ่ง เติบโตเป็นผู้ใหญ่และตั้งครรภ์ มีบุตร โดยที่ไม่มีทารกคนใดติดเชื้อ เพราะมีการให้ยาป้องกันการติดเชื้อในทารกอย่างเต็มที่
เด็กที่ติดเชื้อมักจะเกิดในครอบครัวที่มีปัญหาและความวุ่นวาย เด็กจึงอาจมีปัญหาทางสุขภาพกายและใจ การเลี้ยงดูให้เด็กมีสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดีนับเป็นเรื่องสำคัญ การดูแลเด็กติดเชื้อเอชไอวี ที่กำลังโตเข้าสู่วัยรุ่น เป็นเรื่องที่ยากและท้าทาย เพราะวัยรุ่นมีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมเสี่ยง และต่อต้าน การทำงานเป็นทีมกับผู้เชียวชาญหลายฝ่าย จะช่วยให้การดูแลผู้ป่วยเป็นไปอย่างราบรื่น
โรคติดเชื้อเอชไอวีหรือเอดส์ในเด็กเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับเด็กที่ติดเชื้อไปแล้ว ยังไม่มีการรักษาให้หายขาด แต่ยาต้านไวรัสทำให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดี และอายุยืนยาว ถือได้ว่าเป็นโรคเรื้อรังโรคหนึ่งที่ต้องการการดูแลรักษายาวนานตลอดชีวิต ความใส่ใจ ความรัก และความอบอุ่นในครอบครัวจึงเป็นอีกหนึ่งยาขนานเอก ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยเด็กมีสุขภาพใจ และสุขภาพกายแข็งแรงไปอีกนาน ๆ ค่ะ