ระวัง! ไวรัสเมอร์ส

ระวัง! ไวรัสเมอร์ส

 อ.นพ.สุสัณห์  อาศนะเสน

ภาควิชาอายุรศาสตร์
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

 

ดูเหมือนโรคไวรัสเมอร์สที่เป็นข่าวอยู่ขณะนี้ จะใกล้ตัวคนไทยเข้าไปทุกที ยิ่งกว่านั้นยังเป็นเชื้อใหม่ที่ไม่มียารักษา เราจึงควรเฝ้าระวังและดูแลตนเองให้รอดพ้นจากความเสี่ยงต่างๆ

            โรคเมอร์ส เป็น โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ที่มาจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อาการของโรคนี้ มีความหลากหลาย ตั้งแต่ มีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล คลื่นไส้อาเจียน  ถ่ายเหลว จนกระทั่งหอบเหนื่อย และปอดอักเสบรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต จากอาการที่ไม่จำเพาะ การวินิจฉัยจึงต้องอาศัยการตรวจทางไวรัสวิทยา

โรคนี้สามารถติดต่อได้ทั้งจากการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโดยตรง  สัมผัสสารคัดหลั่งต่าง ๆ  เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะของผู้ป่วยที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม หรือผ่านละอองฝอยที่เกิดจากการไอ จาม  หายใจของผู้ป่วย  โดยเฉพาะในระยะ 1 เมตร  รวมถึงจากการสัมผัสสัตว์ที่เป็นแหล่งโรค เช่น อูฐ รวมทั้งการดื่มนมอูฐที่อาจปนเปื้อนเชื้อนี้

การก่อโรค เริ่มตั้งแต่สัมผัสโรคจนเริ่มมีอาการ  ใช้ระยะเวลา  2 – 14  วัน  โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ  5-7 วัน   ดังนั้นหากท่านเดินทางไปในประเทศที่มีการแพร่ระบาด  เช่น  ประเทศในแถบตะวันออกกลาง หรือเกาหลีใต้ ภายใน 14 วัน  แล้วมีอาการไม่สบาย  ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้ 

การรักษาในปัจจุบัน  เป็นการประคับประคองอาการ เนื่องจากยังไม่มียาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพดี อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่  ร้อยละ 30 - 40  ส่วนใหญ่ผู้ที่เสียชีวิตจะมีอายุมากกว่า 40 ปี และมีโรคเรื้อรังต่าง ๆ  ร่วมด้วย โดยเฉพาะโรคไต  โรคเบาหวาน  โรคหัวใจ  และโรคปอด

ดังนั้นหากท่านสงสัยว่าเป็นโรคเมอร์ส ต้องหยุดทำงาน  ใส่หน้ากากอนามัย หากท่านไอหรือจามต้อง

ปิดปากและจมูกด้วยกระดาษชำระ  หากไม่ทันอาจใช้แขนเสื้อของตนเองปิดแทน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ทำความสะอาดมือบ่อย ๆ  หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้อื่นและสิ่งของต่าง ๆ รวมทั้งเว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 เมตร  ที่สำคัญโทรศัพท์ติดต่อแจ้งเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่ใกล้บ้านท่านก่อนไปว่า  ท่านอาจเป็นโรคเมอร์ส เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เตรียมความพร้อมในการดูแลรักษา 

            สำหรับการป้องกันโรคเมอร์สนั้น นอกจากหลีกเลี่ยงการเดินทางไป  หรือผ่าน ประเทศที่มีการระบาดแล้ว  ท่านควรปรับพฤติกรรมเพื่อลดโอกาสการติดเชื้อโรคทางเดินหายใจ  ได้แก่

            - ทำความสะอาดมือ บ่อย ๆ  เป็นประจำ

            - ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น

            - หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ป่วย ที่มีอาการไม่สบายคล้ายหวัด

            - หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในบริเวณที่มีผู้คนหนาแน่น  หรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก หากจำเป็นควร

 ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง

 

             โรคภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้น หากเราติดตามข่าวสาร เตรียมรับมือและป้องกัน  โดยทำร่างกายให้แข็งแรง อยู่แบบถูกสุขอนามัย ก็ป้องกันได้นะครับ

เอกสารประกอบ

ดาวน์โหลด