PM 2.5 เพราะทุกคนควรมีโอกาสใช้ชีวิตในอากาศสะอาด ศิริราชใส่ใจคุณทุกลมหายใจ
ปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) นับเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อสุขภาพของประชาชนทั่วโลก โดย PM 2.5 นั้นเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ อาทิ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคระบบทางเดินหายใจ มะเร็งปอด และโรคเบาหวานประเภท 2[1][2][3][4] ข้อมูลระบุว่า ในปี 2562 PM2.5 มีส่วนทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกราว 7 แสนราย[5] ในขณะที่ State of Global Air ระบุว่า PM2.5 เป็นสาเหตุการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของประชากรในประเทศไทย ประมาณ 37,500 รายในปี 2558
แหล่งที่มาของมลพิษทางอากาศภายนอกส่วนใหญ่อยู่นอกเหนือการควบคุมของปัจเจกบุคคล ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุจาก การขนส่ง การจัดการขยะ การวางผังเมือง และการเกษตร ดังนั้นการดำเนินการร่วมกันระหว่างผู้กำหนดนโยบายทั้งระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับภูมิภาค จึงเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยเหตุนี้องค์การอนามัยโลกจึงได้จัดทำแนวปฏิบัติด้านคุณภาพอากาศทั่วโลก (WHO global air quality guidelines: particulate matter (PM2.5 and PM10), ozone, nitrogen dioxide, sulfur dioxide and carbon monoxide) เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยแนวปฏิบัติดังกล่าวระบุว่าหน่วยงานด้านสุขภาพควรมีบทบาทในการเพิ่มความตระหนักรู้ถึงผลกระทบของคุณภาพอากาศที่มีต่อสุขภาพ ให้คำปรึกษาแก่สาธารณชนและผู้ป่วยเกี่ยวกับวิธีการลดผลกระทบของมลพิษทางอากาศ และสนับสนุนการดำเนินงานตามแนวทางคุณภาพอากาศของ WHO ทั้งในนโยบายระดับชาติและระดับนานาชาติ[6]
ในการนี้ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหามลพิษทางอากาศที่มีต่อสุขภาพ จึงมีแนวคิดที่จะดำเนินงานตามแนวปฏิบัติด้านคุณภาพอากาศทั่วโลกขององค์การอนามัยโลก โดยเริ่มจากการสร้างความตระหนักรู้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยและประชาชน ด้วยการจัดงานเสวนา ภายใต้หัวข้อ “ศิริราชใส่ใจคุณทุกลมหายใจ” อนึ่ง การจัดงานเสวนาครั้งนี้ยังเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่าง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในประเด็น PM 2.5 ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวนี้จะช่วยผลักดันการแก้ไขปัญหา PM2.5 ในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติต่อไป
เรียนรู้เพิ่มเติม PM 2.5 และ ผลกระทบทางสุขภาพ
https://www.youtube.com/playlist?list=PLJtRUPDCQK3qbpSPeTXgy6fpKvBsA2iof
เอกสารอ้างอิง
1. Brook RD, Rajagopalan S, Pope CA, 3rd, Brook JR, Bhatnagar A, Diez-Roux AV, et al. Particulate matter air pollution and cardiovascular disease: An update to the scientific statement from the American Heart Association. Circulation. 2010;121(21):2331-78.
2. Coleman NC, Burnett RT, Ezzati M, Marshall JD, Robinson AL, Pope CA, 3rd. Fine Particulate Matter Exposure and Cancer Incidence: Analysis of SEER Cancer Registry Data from 1992-2016. Environ Health Perspect. 2020;128(10):107004.
3. Li CY, Wu CD, Pan WC, Chen YC, Su HJ. Association Between Long-term Exposure to PM2.5 and Incidence of Type 2 Diabetes in Taiwan: A National Retrospective Cohort Study. Epidemiology. 2019;30 Suppl 1:S67-s75.
4. Yang X, Zhang T, Zhang Y, Chen H, Sang S. Global burden of COPD attributable to ambient PM2.5 in 204 countries and territories, 1990 to 2019: A systematic analysis for the Global Burden of Disease Study 2019. Sci Total Environ. 2021;796:148819.
5. Hu J, Zhou R, Ding R, Ye D-W, Su Y. Effect of PM2.5 air pollution on the global burden of lower respiratory infections, 1990–2019: A systematic analysis from the Global Burden of Disease Study 2019. Journal of Hazardous Materials. 2023;459:132215.
6. World Health Organization. WHO global air quality guidelines: particulate matter (PM2.5 and PM10), ozone, nitrogen dioxide, sulfur dioxide and carbon monoxide. 2021.