ตาบอดในวัยเด็ก

ตาบอดในวัยเด็ก

ผศ.พญ.ละอองศรี อัชชนียะสกุล
ภาควิชาจักษุวิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

ความหมายและอุบัติการณ์
           ตาบอดในเด็ก หมายถึงภาวะที่เด็กมีระดับการมองเห็นลดลงกว่าปกติอย่างมาก และระดับสายตาที่ลดลงนี้มีผลทำให้เด็กมีการพัฒนาการเรียนรู้ช้าลง

สาเหตุ
           สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะตาบอดในเด็กที่เป็นปัญหาทั่วโลกโดยเฉพาะในประเทศที่ยังไม่พัฒนา คือ ขาดวิตามินเอ ภาวะนี้จะทำให้เกิดความผิดปกติในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เด็กที่ขาดวิตามินเอติดเชื้อได้ง่าย และอาจถึงกับเสียชีวิตได้ สำหรับผลกระทบด้านดวงตา จะมีผลให้เยื่อบุตาแห้ง อาจเกิดแผลที่กระจกตาตามมา ทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลงอย่างมาก สาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดภาวะตาบอดในเด็ก ได้แก่ โรคที่เป็นแต่กำเนิด เช่น ต้อหิน ต้อกระจก โรคมะเร็งของประสาทตา รวมถึงกรณีที่มารดาเป็นเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ หรือดื่มเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ หรือใช้ยาบางชนิดระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้เส้นประสาทตาเจริญผิดปกติ ประสาทตาฝ่อได้ หากจะกล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้เด็กเล็กโดยเฉพาะที่อายุต่ำกว่า 1 ปี สูญเสียการมองเห็น อาจแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ

1. โรคหรือความผิดปกติภายในลูกตา
           อาจสังเกตได้ว่าเด็กมีภาวะตาสั่น กระตุกเป็นจังหวะร่วมด้วย ตัวอย่างสาเหตุที่พบ ได้แก่ ภาวะสายตาสั้นหรือสายตายาวมากผิดปกติ ที่ไม่ได้รับการแก้ไขในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งภาวะนี้อาจเกิดเดี่ยว ๆ หรือเกิดร่วมในกลุ่มอาการต่าง ๆ ได้ ส่วนสาเหตุอื่น ๆ ได้แก่ โรคต้อกระจกแต่กำเนิด ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อขณะอยู่ในครรภ์มารดา หรือเป็นโรคทางกรรมพันธุ์ โรคต้อหินแต่กำเนิด ความผิดปกติของกระจกตาทำให้กระจกตาขุนขาวบังการมองเห็น ภาวะประสาทตาฝ่อ โรคผิวเผือกซึ่งมีความผิดปกติของจอประสาทตาส่วนที่เป็นศูนย์กลางการมองเห็นร่วมด้วย โรคจอประสาทตาเสื่อม และโรคโรคที่สำคัญมากสำหรับเด็กที่คลอดก่อนกำหนด คือ ความผิดปกติของจอประสาทตาเนื่องจากการได้รับออกซิเจนหลังคลอด

2. โรคหรือความผิดปกติในสมอง
           เด็กจะสูญเสียการมองเห็น ซึ่งอาจเกิดจากการที่สมองขาดเลือดหรือขาดออกซิเจน
สมองได้รับความกระทบกระเทือน การติดเชื้อ หรือความผิดปกติแต่กำเนิดภายในเนื้อสมอง เป็นต้น ซึ่งเด็กที่มีความผิดปกติเช่นนี้มักไม่มีภาวะตาสั่นกระตุก และการตรวจภายในลูกตาจะไม่พบความผิดปกติใด ๆ

อาการ
           โดยปกติเด็กในช่วงแรกเกิดถึง 2 เดือน การมองเห็นยังไม่ชัดเจนเท่าผู้ใหญ่ ตาจะมองลอยไปมาในทิศทางต่าง ๆ ดังนั้นหากเด็กไม่จ้องตา ก็ไม่ควรกังวลเกินไปนัก เนื่องจากจอประสาทตายังมีการพัฒนาไม่เต็มที่ แต่หากเด็กมีอายุเกิน 3 เดือนไปแล้ว ยังไม่มองหน้าแม่เวลาป้อนนม หรือไม่มองตามวัตถุที่เคลื่อนไหว ควรรีบหาสาเหตุทันที ในกรณีที่เด็กมองไม่เห็น เด็กอาจใช้นิ้วมือกดที่ลูกตาเพื่อกระตุ้นให้เกิดแสงวาบขึ้น ดังนั้นพ่อแม่จึงควรหมั่นสังเกตอย่างสม่ำเสมอ เพราะอากัปกิริยาดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณว่าสายตาไม่ดี นอกจากนี้ ยังมีภาวะตาสั่นกระตุก ที่พบในเด็กที่สูญเสียการมองเห็นเนื่องจากโรคหรือความผิดปกติในลูกตาดังกล่าวข้างต้น

การวินิจฉัย
           การวินิจฉัยภาวะตาบอดในเด็กอาศัยการสังเกตดูพฤติกรรม ร่วมกับการตรวจตาโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคตาในเด็ก

การรักษา
           การรักษาภาวะตาบอดในเด็กขึ้นอยู่กับโรคที่เป็น ถ้าเป็นต้อกระจก ต้อหิน ต้องรีบให้การรักษาทันที เพื่อให้เด็กมีการพัฒนาด้านสายตาเป็นปกติ แต่บางโรคก็ไม่สามารถรักษาได้ เช่น โรคเส้นประสาทตาฝ่อแต่กำเนิด อย่างไรก็ตาม เด็กเหล่านี้ควรได้รับการส่งต่อไปยังศูนย์การศึกษาพิเศษ ได้แก่ ที่สถาบันราชภัฏสวนดุสิต ซึ่งเป็นสถาบันที่ให้ความช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหาด้านการมองเห็นตั้งแต่วัยแรกเกิด ในการกระตุ้นให้เกิดการฟื้นฟูสมรรถภาพการมองเห็นต่อไป

ผลแทรกซ้อน
           การมองเห็นทำให้เด็กสามารถพัฒนาและเรียนรู้ได้ดี ดังนั้นหากเด็กมีสายตาพิการ จะทำให้สมองมีพัฒนาการช้าไม่สมวัย

การป้องกันและควบคุม
           สาเหตุของภาวะตาบอดในเด็กที่สามารถป้องกันได้ คือ การขาดวิตามินเอ ส่วนสาเหตุอื่นๆ หากได้รับการวินิจฉัยแต่เนิ่นๆ และให้การรักษาอย่างเหมาะสม อาจช่วยให้เด็กมีสายตาอยู่ในระดับปกติได้

ข้อเสนอแนะ
           สิ่งสำคัญที่ควรระลึกไว้เสมอ คือ ช่วงที่ดีที่สุดในการเสริมสร้างพัฒนาการการมองเห็นในเด็ก คือ อายุ 0-3 ปี เพราะสมองจะมีการเรียนรู้ได้เร็วที่สุด และถือว่าเป็นช่วงทองของชีวิตที่พ่อแม่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ

 

 

เอกสารประกอบ

ดาวน์โหลด