ความคิดที่จะจัดตั้งศูนย์โรคหัวใจมีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501 จากความคิดของอาจารย์หลายท่านในขณะนั้นว่า ถ้าจะมีการรักษาโรคหัวใจได้ดีโดยเฉพาะเรื่องผ่าตัดหัวใจ (ซึ่งเริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ. 2497) น่าจะต้องมีความร่วมมือจากแพทย์โรคหัวใจหลายฝ่าย ซึ่งในขณะนั้นประกอบด้วย ศาสตราจารย์นายแพทย์กษาน จาติกวาณิช นายแพทย์หม่อมราชวงศ์พัชรีสาณ ชุมพล นายแพทย์กัมพล ประจวบเหมาะ และ นายแพทย์ปรีชา วิชิตพันธุ์ ได้เริ่มมีการประชุมร่วมกันสม่ำเสมอเพื่อพิจารณาคนไข้ที่จะทำการผ่าตัด การดำเนินงานด้านวินิจฉัยโรคที่แน่นอนจำเป็นต้องอาศัยเทคนิคการสอดสายสวนหัวใจผ่านทางหลอดเลือดและการถ่ายภาพหัวใจด้วยเครื่องมือเอกซเรย์พิเศษ ซึ่งในขณะนั้นยังขาดแคลนมากที่โรงพยาบาลศิริราชและจำเป็นต้องส่งผู้ป่วยบางรายไปรับการตรวจที่โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลพระมงกุฎ และโรงพยาบาลโรคทรวงอก คณะแพทย์ดังกล่าวได้เสนอความคิดเห็นต่อคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลให้พิจารณาจัดตั้ง Cardiac Unit ขึ้นเพื่อประสานงานทางด้านโรคหัวใจของภาควิชาต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณแผ่นดินและเพิ่มพูนประสิทธิภาพของงานให้ดียิ่งขึ้น ศาสตราจารย์นายแพทย์สุด แสงวิเชียร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลในขณะนั้น ได้อนุมัติตั้งศูนย์โรคหัวใจเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 ศูนย์โรคหัวใจได้จัดตั้งสำเร็จด้วยความพยายามจากอาจารย์แพทย์หลายท่านโดยมีศาสตราจารย์นายแพทย์กษาน จาติกวณิช เป็นประธานกรรมการ
ศูนย์โรคหัวใจได้เริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2514 ซึ่งเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้เด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดตึก 72 ปี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาที่ศูนย์โรคหัวใจเพื่อทอดพระเนตรการแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับโรคหัวใจ โดยใช้สถานที่ส่วนหนึ่งของตึก 72 ปี ชั้น 2 เป็นที่ทำการของศูนย์โรคหัวใจ ซึ่งมีพื้นที่เพียง 100 ตารางเมตร อย่างไรก็ตามศูนย์โรคหัวใจก็ยังขาดแคลนเครื่องมือเครื่องใช้อีกมากและในบางครั้งเครื่องมือเสีย ต้องนำผู้ป่วยไปรับบริการตามโรงพยาบาลต่างๆ ตามที่กล่าวมาข้างต้น
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2520-2524 รัฐบาลเยอรมันได้จัดส่งอาสาสมัครซึ่งเป็นวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์มาประจำ 2 คน เป็นระยะเวลาคนละ 2 ปี มาปฏิบัติงานที่ฝ่ายวิศวกรรมศูนย์โรคหัวใจ โดยมาให้ความรู้ คำแนะนำและฝึกอบรมบำรุงรักษาและซ่อมแซมเครื่องมือเพื่อให้มีความพร้อมที่จะปฏิบัติงานได้ตลอดเวลา
ศูนย์โรคหัวใจได้เจริญรุดหน้าขึ้นตามลำดับมีปริมาณงานเพิ่มมากขึ้นทั้งทางด้านการให้บริการ การตรวจและรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ การให้ข้อมูลข่าวสารทางวิชาการ มีบุคลากรที่มีความชำนาญเพิ่มมากขึ้น ในปี พ.ศ. 2532 ศูนย์โรคหัวใจได้รับงบประมาณพิเศษเป็นจำนวนเงินถึง 32,000,000 บาท เพื่อจัดซื้อเครื่อง Biplane Cineagiocardio-vascular system เป็นเครื่องมือที่มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก ทำให้ไม่สามารถติดตั้งในพื้นที่เดิมได้ ดังนั้นศาสตราจารย์นายแพทย์ประดิษฐ์ เจริญไทยทวี ขณะนั้นดำรงตำแหน่งคณบดีฯ และศาสตราจารย์นายแพทย์อรุณ เผ่าสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ได้พิจารณาอนุมัติพื้นที่บริเวณตึก 84 ปี ชั้น 1 รวมทั้งหมด 375 ตารางเมตร เป็นที่ตั้งศูนย์โรคหัวใจ โดยให้กรมโยธาเป็นผู้ออกแบบ และปรับปรุงโครงสร้างของตึกเพื่อติตั้งเครื่องมือ และเริ่มดำเนินการเมื่อเดือน ตุลาคม พ.ศ. 2534 แต่การให้บริการของสำนักงานศูนย์โรคหัวใจ ทั้งด้านวิชาการ การวิจัย การให้บริการการตรวจและรักษายังขยายต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง จึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงสำนักงานศูนย์โรคหัวใจเพื่อให้บริการได้มากขึ้น ด้วยความคิดริเริ่มของศาสตราจารย์นายแพทย์ประดิษฐ์ เจริญไทยทวี ได้นำโครงการศูนย์โรคหัวใจเข้าบรรจุในแผนพัฒนาอุดมศึกษา ฉบับที่ 7 โดยสร้างอาคารใหม่ 15 ชั้น เป็นสำนักงาน และเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสมหามงคลสมัยทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานนามอาคารเพื่อเป็นสิริมงคล จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถซี่งทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานนามอาคารนี้ว่า ศูนย์โรคหัวใจสมเด็จพระบรมราชินีนาถ และปรับปรุงการบริหารงานศูนย์โรคหัวใจฯ ให้เป็นหน่วยงานการเรียนการสอนโรคหัวใจในระบบสหสาขาวิทยาการ โดยมีฐานะเทียบเท่ากับภาควิชาและเปลี่ยนชื่อเป็น สำนักงานศูนย์โรคหัวใจสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2534 เป็นต้นมา
ในการจัดสร้างอาคารฯ ดังกล่าว ไดรับพระมหากรุณาธิคุณจากพลเอกสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นองค์ประธานอำนวยการคณะกรรมการสร้างอาคารในเวลาต่อมา และจัดพิธีวางศิลาฤกษ์ขึ้นอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2537 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารศูนย์โรคหัวใจสมเด็จพระบรมราชินีนาถ การดำเนินงานก่อสร้างได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และดำเนินการก่อสร้างเสร็จในต้นปี พ.ศ. 2542
เมื่ออาคารศูนย์โรคหัวใจสมเด็จพระบรมราชินีนาถเสร็จสมบูรณ์ทุกชั้นแล้ว จะเป็นศูนย์โรคหัวใจระดับชาติและทันสมัยที่สุดในประเทศไทยและในเอเชียอาคเนย์ |