American Board of Sleep Medicine,
Certified International Sleep Specialist
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
ปัจจุบันการใช้คลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency หรือ RF) และการใช้เลเซอร์ (Erbium-YAG laser) เริ่มเป็นที่นิยมในการนำมาใช้รักษานอนกรน และโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (obstructive sleep apnea หรือ OSA) อย่างไรก็ตามผู้ป่วยรายงานอาจสงสัยว่า ควรใช้วิธีไหน บทความนี้จึงนำข้อดีและข้อเสียมาเปรียบเทียบกัน เพื่อให้ผู้ป่วยได้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษา
|
การใช้คลื่นความถี่วิทยุ
|
การใช้เลเซอร์
|
ข้อบ่งชี้ในการรักษา
|
นอนกรนและโรคหยุดหายใจขณะหลับ
|
นอนกรนธรรมดา
|
ตำแหน่งที่รักษาได้
|
ได้ทุกระดับ ทั้งจมูก เพดานอ่อน ลิ้น
|
ใช้ได้เฉพาะเพดานอ่อนและโคนลิ้น
|
ระยะเวลาในการทำ(ต่อครั้ง)
|
5-10 นาที
|
25-30 นาที
|
จำนวนครั้งในการทำ
|
1-2 ครั้ง
|
3-4 ครั้ง
|
ระยะเวลาในการทำ (รวม)
|
5-20 นาที
|
75-120 นาที
|
การใช้ยาชา
|
มีการพ่นยาชา และฉีดยาชา
|
ไม่ต้องฉีดยาชา
|
ค่าใช้จ่ายรวม
|
เริ่มต้นที่ 15000 บาท
|
เริ่มต้นที่ 30000 บาท
|
ผลการรักษา
|
มีรายงานการวิจัยรองรับจำนวนมาก
มีรายงานผลระยะยาวรองรับ
|
มีรายงานวิจัยรองรับยังไม่มาก
มีรายงานผลระยะยาวน้อย
|
ความเสี่ยง
|
มีความเจ็บ เลือดออก หรือบวมเล็กน้อย
|
มีความเจ็บน้อย ไม่มีเลือดออก
|
แนวทางการรักษานอนกรน และโรคหยุดหายใจขณะหลับ
- ปัจจุบันนิยมใช้แนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล (personalized therapy) เนื่องจากมีการคำนึงถึงและเคารพความแตกต่างระหว่างบุคคล เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมที่สุด
- ผู้ป่วยควรได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้องโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ (sleep specialist)
- การเลือกวิธีรักษา พิจารณาจากผลตรวจ sleep test มาใช้ช่วยประเมิน ชนิด ลักษณะ ความรุนแรง และความเสี่ยง ของโรค ร่วมกับลักษณะของผู้ป่วย เช่น อายุ เพศ โรคประจำตัว ดัชนีมวลกาย อาการความง่วงผิดปกติ ฯลฯ
- ก่อนรักษาผู้ป่วยควรทราบถึงข้อดี ข้อเสียของแต่ละวิธี เพื่อตัดสินใจร่วมกัน (participation)
- การรักษานอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ ยังมีอีกหลายวิธี อาจใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือใช้ร่วมกัน เช่น การลดน้ำหนัก สุขอนามัยการนอน การปรับท่านอน การบริหารช่องปากและคอหอย บางรายควรใข้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP), อุปกรณ์ในช่องปาก (oral appliances), การผ่าตัดทางเดินหายใจส่วนบน ยาหรือทางเลือก เครื่องกระตุ้นประสาท และอื่น ๆ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะก่อน เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและเหมาะสมต่อไป