แนะนำ-เสนอแนะ
ดิฉันเป็นสมาชิกคนหนึ่ง และแม่ของดิฉันซึ่งเกษียณไปแล้วแต่ยังคงเป็นสมาชิกสหกรณ์อยู่ดิฉันกับแม่อยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกันซึ่งแม่ของดิฉันเป็นเจ้าบ้านในกรณีนี้ก็เห็นได้ว่ามีสิทธิที่จะยื่นขอรับได้ทั้ง 2 คน แต่เงื่อนไขของ สอ.มม.ให้ยื่นได้คนเดียวโดยที่ในฐานะเจ้าบ้านจะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท และผู้อาศัยจะได้รับ 3,000 บาท เงื่อนไขนี้ดิฉันเข้าใจและยอมรับได้ค่ะ
วันที่ 23 พ.ย. 2554 จนท.สหกรณ์มาเปิดบริการให้ที่ศาลายาดิฉันก็ได้ไปยื่นเอกสารขอรับเงินช่วยเหลือโดยยื่นเอกสารของคุณแม่ในฐานะเจ้าบ้านโดยที่คุณแม่เซ็นรับรองมาทั้งหมดแล้ว แต่จนท.บอกว่าไม่ได้ให้ยื่นใครยื่นมันต้องให้คุณแม่มายื่นด้วยตัวเอง คุณแม่ดิฉันอายุ 65 ปีแล้ว มีโรคประจำตัวเป็นความดันสูง ปวดหัวเข่าและประกอบกับการเดินทางในขณะนี้ไม่ได้สะดวกเหมือนปกติ ซึ่งตอนนี้บ้านของแม่ดิฉันซึ่งอยู่ที่รามอินทรายังน้ำท่วมอยู่ แค่รับเอกสารเพื่อไปประกอบการพิจารณาก่อนเงินยังไม่ได้รับทำไมต้องให้เจ้าบ้านมาเอง ซึ่งในภาวะขนะนี้ก็ลำบากจะแย่อยู่แล้วบ้านก็ถูกน้ำท่วม ต้องอพยพไปอยู่ที่อื่นโดยไปเช่าบ้านอยู่ซึ่งมีค่าใช้จ่ายทุกวัน คนแก่นะคะซึ่งยังไม่รู้ว่าจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่ บ้านจะต้องเสียหายมากขนาดไหนและจะต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเท่าไหร่
สหกรณ์ควรจะปรับปรุงหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขบางอย่างได้หรือไม? ไม่ใช่ตอบว่าเหมือนกับการที่กู้เงินเจ้าตัวยังต้องมากู้เองซึ่งดิฉันมองว่ากรณีนี้มันคนละเรื่องกับการกู้เงินนะค๊ะ
ธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องเลือกที่มากกว่าไว้ก่อนระหว่าง 5,000 กับ 3,000 บาท ถ้าเป็นคุณจะเลือกเท่าไหร่? ควรจะปรับหลักเกณฑ์หรือควรจะอำนวยความสะดวกให้สมาชิกได้มากกว่านี้ได้ไหม?
การตอบปฏิเสธไม่รับเอกสารอย่างสิ้นเชิงนี้ทั้งที่เอกสารก็ครบทุกอย่างดิฉันมองว่าไม่มีจิตใจในการบริการและไม่มีคุณธรรม เมตตาธรรม ถ้าเป็นคุณจะรู้สึกอย่างไร?ในขณะที่พ่อ แม่คุณได้รับความเดือดร้อนอยู่คุณเป็นลูกคุณจะทำอย่างไร?
ขอฝากท่านประธานฯ(นพ.ธงชัย พรรณลาภ) ไว้พิจารณาด้วยนะค๊ะ