การให้นมลูก ตอนที่ 1
การให้นมลูก ตอนที่ 1
รศ.นพ.ศุภกร โรจนนินทร์
ภาควิชาศัลยศาสตร์
Faculty of
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
การดูแลเต้านมในช่วงให้นมลูก
ปัจจุบัน มีการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่กันมาก เพราะนมแม่ให้สารอาหารครบถ้วนสมบูรณ์ และส่วนประกอบของน้ำนมก็เหมาะสมกับทารกในช่วง 3 เดือนแรกอย่างมาก ผิดกับนมวัวผงที่จะต้องปรับสูตรและผสมความเข้มข้นของนมให้ได้ตามสัดส่วนที่ต้องการของเด็ก นอกจากนั้น นมแม่ยังมีภูมิต้านทานต่าง ๆ ที่เด็กควรได้รับ และยังสร้างความผูกพันและความอบอุ่นให้กับเด็ก ซึ่งมิอาจจะตีเป็นมูลค่าได้ ขณะนี้มีหลายหน่วยงานในภาครัฐและเอกชนที่พยายามจัดสถานที่เลี้ยงเด็กในที่ทำงาน เพื่อให้คุณแม่ได้ทำงานไปและปลีกเวลามาให้นมลูกเป็นระยะ ซึ่งก็ช่วยลดปัญหาดูแลลูกน้อยไปได้ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในครอบครัวที่คุณพ่อและคุณแม่ต้องทำงานทั้งคู่และโชคไม่ดีพอที่จะมีคุณตาคุณยายใจดีมาช่วยเลี้ยงหลานให้เหมือนในอดีต คุณแม่หลายคนที่ไม่ใช้นมแม่เลี้ยงลูก ก็มีเหตุผลพอที่จะยกตัวอย่างได้ เช่น หน้าอกเล็กน้ำนมไม่เพียงพอให้ลูกดูดนม หัวนมบอดทำให้ลูกดูดนมไม่ได้ ไม่มีเวลาเพียงพอเพราะต้องทำงาน จึงไม่สะดวกใช้นมขวดดีกว่า บางคนก็ห่วงรูปร่างตัวเองมากไป พยายามลดน้ำหนักตั้งแต่หลังคลอดเลยทีเดียว ทำให้ได้สารอาหารไม่เพียงพอที่จะสร้างน้ำนม หรือบางคนก็กลัวหน้าอกจะเหี่ยวคล้อยในอนาคต ถ้าให้ลูกดูดนมนาน ๆ สำหรับผู้เขียนมีความเห็นว่าเด็กทุกคนควรจะได้นมแม่อย่างน้อยที่สุดก็ 3 เดือนแรก เพราะจะลดปัญหาเรื่องระบบการย่อยและทางเดินอาหารของเด็ก เช่น อาเจียน ท้องอืด หรือ ท้องเสีย ได้มากที่เดียว โดยเฉพาะการให้นมแม่ จะทำให้ทารกเกิดโรคท้องเสียน้อยกว่าการเลี้ยงด้วยนมผงอย่างมาก นอกจากนั้นก็ยังได้รับภูมิต้านทานต่าง ๆ สร้างความผูกพันและเป็นการประหยัดได้อีกด้วย หลังจากนั้นถ้ามีเวลาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต่อไปได้จนครบปีก็จะเป็นการดีที่สุด มีหลักอยู่อย่างหนึ่งว่า ถ้าจะเลี้ยงด้วยนมแม่อย่าให้เด็กดูดนมขวดสลับกันไป เพราะเด็กจะดูดนมจากขวดได้สะดวกกว่า จนบางครั้ง เด็กจะปฏิเสธนมแม่ไปเลย ในกรณีที่คุณแม่ทำงานนอกบ้าน ถ้าต้องการให้ลูกกินนมตัวเองจากขวดก็ได้ โดยการปั๊มน้ำนมใส่ขวดนมที่สะอาดและเก็บไว้ในตู้เย็นแต่จะต้องเก็บไว้อย่าให้เกิน 12 ชั่วโมง เมื่อดูดนมแม่จากขวดจนอิ่ม ถ้าน้ำนมยังเหลือ ไม่ควรเก็บไว้อีก เพราะนมจะบูดหรือเสียได้ง่าย
วิธีให้ลูกดูดนมตัวเองคงไม่ต้องอธิบายกันมากในที่นี้ สำหรับคุณแม่มือใหม่คงได้รับการฝึกหัดจากโรงพยาบาลหลังคลอดหรือหาหนังสืออ่านได้ โดยทั่วไปที่สำคัญคือ ให้ศีรษะลูกอยู่สูงกว่าส่วนลำตัว ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางกดส่วนเต้านมบริเวณขอบวงปานนมด้านบนและล่างไว้ ไม่ให้ปิดหรือเบียดบังจมูกของลูกขณะดูดนม และยังเป็นการช่วยให้หัวนมชูชันขึ้นให้ลูกดูดนมสะดวกอีกด้วย เมื่อดูดนมจนอิ่ม ก็ให้อุ้มลูกพาดบ่า จนกว่าจะเรอเอาลมออกมาจากกระเพาะแล้ว จึงเปลี่ยนท่าอุ้มได้ ก่อนและหลังการให้นมแม่ คุณแม่จะต้องทำความสะอาดบริเวณหัวนมและรอบ ๆ ทุกครั้ง โดยการเช็ดหรือล้างด้วยสบู่หรือน้ำสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง เสร็จแล้วใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ (ชนิดทาแผล) พอหมาด ๆ เช็ดบริเวณหัวนม และโดยรอบให้ทั่ว รอจนแอลกอฮอล์ระเหยไปจนหมด จึงให้เด็กเริ่มดูดนม สลับกันไปในแต่ละข้างอย่างสม่ำเสมอจนอิ่ม
ภูมิต้านทานของลูกที่ได้จากนมแม่
น้ำนมแม่ให้ภูมิต้านทานเชื้อแบคทีเรียได้ดี รวมถึงต้านทานไวรัสที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียเป็นประจำ เช่น เชื้อแบคทีเรียอีโคไล เชื้ออหิวาต์ เด็กที่กินนมแม่เป็นประจำ จะเกิดท้องเสียน้อยกว่าเด็กที่เลี้ยงด้วยนมผงอย่างมาก ในสถานเลี้ยงเด็กบางแห่งที่มีโรคท้องร่วงระบาด การให้เด็กกินนมแม่จะป้องกันโรคได้ดีทีเดียว การป้องกันอาการท้องเสียในทารกที่กินนมแม่นั้น เชื่อว่าเกิดขึ้นจากการที่ทารกมีแบคทีเรียซึ่งได้มาขณะคลอดชนิดที่ไม่ทำอันตรายต่อร่างกายอยู่ในลำไส้ คือ แลคโตบาซิลไล และไบฟิโดแบคทีเรีย และนมแม่จะมีสารกระตุ้นให้มีการเจริญเติบโตของแบคทีเรียทั้ง 2 ชนิดนี้ การมีแบคทีเรียทั้ง 2 ชนิดนี้ในลำไส้มากขึ้น จะทำให้เกิดสภาพความเป็นกรดในลำไส้ ไม่เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อต่าง ๆ โดยเฉพาะเชื้อที่ทำให้เกิดอาการท้องร่วง
หัวนมบอดกับการให้นมลูก
หัวนมบอด เกิดขึ้นจากความผิดปกติตั้งแต่เกิด เพราะมีผังผืดยึดบริเวณท่อน้ำนมที่มาเปิดที่หัวนม ไปดึงรั้งหัวนมไม่ให้ชูชันขึ้น หัวนมบอดนอกจากจะทำความสะอาดยาก การให้นมลูกก็ยากเช่นกัน เด็กจะดูดนมได้ลำบาก ทำให้ไม่อยากกินนมแม่ หัวนมบอดบางคนเป็นไม่มากก็สามารถแก้ไขให้หัวนมชูชันขึ้นมา เพื่อให้นมลูกได้ดี โดยทำการบริหาร ตั้งแต่เมื่อรู้ว่าตัวเองเริ่มตั้งครรภ์
วิธีการบริหารหัวนมที่ง่าย ๆ ก็คือ ดึงรั้งหัวนมด้วยนิ้วมือ มีชื่อตามภาษาฝรั่งว่า Hoffmans exercise โดยใช้นิ้วชี้ทั้ง 2 ข้าง วางบริเวณขอบหัวนมในด้านที่ตรงข้ามกัน ตามแนวขนาน และตามแนวดิ่ง สลับกันไป โดยนิ้วชี้ทั้งสองค่อย ๆ กดและแยกออกจากกันไปด้านนอกถึงขอบวงปานนม หรือให้ค่อย ๆ ดึงจนสุดความตึงของผิวหนัง ทำสลับกันในแนวราบและแนวดิ่งไปเรื่อย ๆ การบริหารให้ทำบ่อย ๆ เมื่อมีโอกาส เช่น หลังอาบน้ำ เป็นต้น
ปัญหาเต้านมที่พบบ่อยในการให้นมลูก
เต้านมคัด
การเกิดเต้านมคัดและตึงตัวนั้นมักเกิดในช่วงหลังคลอด 2-4 วัน เมื่อเต้านมเริ่มผลิตน้ำนม มีสาเหตุจากการเริ่มเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ล่าช้า เช่น การผ่าตัดคลอดลูก และแม่ยังไม่แข็งแรงพอ หรือลูกมีปัญหาสุขภาพ เช่น ตัวเหลืองหลังคลอด ยังให้นมแม่ไม่ได้ นอกจากนั้นอาจเกิดขึ้นจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การให้นมลูกไม่สม่ำเสมอ การอุดตันของท่อน้ำนม หัวนมบอด หรือ น้ำนมคัดในเวลาที่แม่ต้องการให้ลูกหย่านม
เต้านมคัด จะเริ่มจากมีน้ำนมสะสมในท่อและต่อมน้ำนมมาก จนพองและบวมขึ้นในที่สุด ทำให้ทางเดินน้ำเหลืองและเลือดที่มาหล่อเลี้ยงไหลเวียนไม่สะดวก เป็นผลให้เกิดมีการบวมน้ำ รอบ ๆ ท่อน้ำนมและขยายเรื่อยไปจนถึงผิวหนัง เต้านมข้างที่คัดก็จะบวมใหญ่ขึ้นและบางครั้งมีการบวมมาถึงหัวนมและวงปานนม ทำให้เด็กดูดนมไม่สะดวกเพราะปากเล็กยึดจับหัวนมยาก การดูดและการบีบตัวของวงปานนมเพื่อปั๊มน้ำนมให้ออกจากเต้าจะทำลำบากขึ้น ผลสุดท้ายก็เหมือนวงจรที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นอีก คือ เมื่อน้ำนมไม่สามารถระบายออกมาก็ยิ่งทำให้เกิดการคั่งบวมต่อไปอีก แต่ท่านไม่ต้องกลัวว่าเต้านมจะพองตัวจนแตกเหมือนเป่าลูกโป่งนะครับ เพราะธรรมชาติกำหนดสมดุลย์ไว้ดีมาก กล่าวคือ เมื่อความตึงตัวมาถึงจุดหนึ่งก็จะมีความดันมากพอที่จะกดต่อมน้ำนมให้ลีบลง และถ้ามีการกดอยู่นาน จะทำให้ต่อมน้ำนมหยุดการสร้างน้ำนมได้ในที่สุด เมื่อไม่มีน้ำนมสร้างขึ้นใหม่ เต้านมก็จะค่อย ๆ หยุดคัดได้
-มีต่อตอนที่ 2-