เรื่องน่ารู้ “หลังฉีดวัคซีน COVID-19”

ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยคลินิกและอาจารย์สาขาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

การฉีดวัคซีน COVID-19
         
ในประเทศไทยมีวัคซีนจากบริษัท AstraZeneca และ Sinovac ซึ่งทั้ง 2 วัคซีนมีประสิทธิภาพดีไม่ต่างกัน แต่สามารถทำให้เกิดอาการข้างเคียงหลังจากฉีดได้เป็น 2 กรณี ดังนี้
            1. อาการที่สามารถคาดเดาได้
                        - ปวด บวม แดงร้อน บริเวณที่ฉีด
                        - ครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้
            ส่วนน้อยบางราย มีอาการไข้สูง ต้องนอนพัก 2-3 วัน แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ส่งผลรุนแรงต่อร่างกาย เมื่อมีอาการ สามารถกินยาลดไข้ได้ตามปกติ
            2. อาการที่ไม่สามารถคาดเดาได้
                        - อาการแพ้วัคซีน พบได้น้อยมาก มีทั้งแบบรุนแรงและไม่รุนแรง
                        - อาการที่แพ้รุนแรง ซึ่งมักจะพบได้ภายใน 30 นาที หลังฉีดวัคซีน เช่น หน้ามืด เป็นลม ใจสั่น แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก มีผื่น ผื่นลมพิษ หน้าบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน  อาการเหล่านี้จะรุนแรงมาก หากเกิดหลังจากการฉีดวัคซีน 30 นาที
            ดังนั้นควรสังเกตอาการหลังจากการฉีดวัคซีน COVID-19 ภายใน 30 นาที ในสถานพยาบาลที่ท่านรับการฉีด ซึ่งหากมีอาการแพ้เกิดขึ้น ก็สามารถทำการฉีดยาแก้แพ้ และให้การรักษาได้ทันที
            หลังจากได้รับวัคซีนแล้ว ควรสังเกตอาการต่อที่บ้าน ซึ่งหากเกิดอาการหลังได้รับวัคซีนมากกว่า 30 นาที  อาการมักไม่รุนแรง แต่จำเป็นต้องบันทึกความผิดปกติทุกอย่างที่พบหลังจากการฉีดวัคซีนลงใน Application หมอพร้อม

ผู้ที่มีประวัติการแพ้ สามารถฉีดวัคซีน COVID-19 ได้หรือไม่?
            ไม่ว่าจะมีประวัติแพ้อะไรก็ตาม แต่ไม่ได้แพ้วัคซีน COVID-19 สามารถฉีดวัคซีน COVID-19 ได้ตามปกติ หลังจากที่ฉีดวัคซีนแล้ว ผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้รุนแรงในอดีต ก็สามารถมีอาการแพ้วัคซีน COVID-19 มากกว่าคนที่ไม่มีประวัติแพ้ต่างๆมาก่อน แต่ก็ไม่จำเป็นว่าผู้ที่มีประวัติแพ้ต่าง ๆ จะแพ้วัคซีน COVID-19

            ในผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้ต่าง ๆ สามารถกินยาแก้แพ้ชนิดที่ไม่ง่วงนอน 30 นาที - 1 ชั่วโมง ก่อนการรับวัคซีน COVID-19 ก็จะสามารถบรรเทาอาการแพ้เล็กน้อยไปได้
            ส่วนผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวต่าง ๆ  เช่น ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคปอด โรคหัวใจ หากติดเชื้อ COVID-19 แล้ว มักจะมีอาการรุนแรง ดังนั้นผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ควรได้รับการฉีดวัคซีน COVID-19 และควรปรึกษาจากแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีด

ผู้หญิงตั้งครรภ์สามารถฉีดวัคซีน COVID-19 ได้หรือไม่ ?
         
ผู้หญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ COVID-19 และมีอาการรุนแรง แต่ในปัจจุบันยังไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีน  COVID-19  ในหญิงตั้งครรภ์  ยกเว้นผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูง อาจจะพิจารณาเป็นรายบุคคล  โดยวัคซีนบางตัวมีความปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์ แต่สำหรับวัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยยังต้องการข้อมูลความปลอดภัยต่อหญิงตั้งครรภ์เพิ่มเติมก่อนที่จะอนุมัติให้ใช้ทั่วไป

            สุดท้ายนี้หากท่านมีโอกาสได้รับวัคซีน COVID-19 ขอแนะนำให้รีบไปรับการฉีดวัคซีน COVID-19 เร็วที่สุด หากเราได้รับวัคซีน COVID-19 ครบแล้ว จะป้องกันอาการป่วยรุนแรงจากการติดเชื้อ COVID-19 ได้และไม่ต้องนอนโรงพยาบาล   แต่หลังจากฉีดวัคซีน COVID-19 แล้ว  ยังจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง เพราะอาจจะมีการติดเชื้อ แบบไม่มีอาการ และไม่รุนแรงเกิดขึ้นได้ จนกว่าจำนวนประชากรในประเทศไทยจำนวนมาก หรือเกือบทั้งหมด จะได้รับการฉีดวัคซีน COVID-19 แล้ว เราถึงจะถอดหน้ากากพร้อมๆ กันได้

วัคซีน COVID-19 กับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฉีดพร้อมกันได้หรือไม่ หรือควรฉีดอะไรก่อน ?
         
ไม่ควรรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่กับวัคซีน COVID-19 พร้อมกัน แนะนำควรฉีดห่างกันอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์เป็นอย่างต่ำ หากสามารถเลือกฉีดวัคซีน COVID-19 ได้ก่อน ควรเลือกฉีดวัคซีน COVID-19 เป็นอย่างแรก หรือหากยังไม่สามารถได้รับวัคซีนในเร็วๆ นี้ แนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไปก่อน

ผู้ที่เคยเป็น COVID-19 ยังต้องฉีดวัคซีนอีกหรือไม่
          ควรฉีดวัคซีน COVID-19 หลังจากหายป่วยจาก COVID-19 แล้วอย่างน้อย 3-6 เดือน และฉีดเพียงเข็มเดียวก็เพียงพอ เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานให้อยู่ยาวนาน

เอกสารประกอบ

ดาวน์โหลด