ใช้ยาถูกต้อง ป้องกันโรคไต

ใช้ยาถูกต้อง ป้องกันโรคไต

อ.นพ.นัฐสิทธิ์  ลาภปริสุทธิ 

ภาควิชาอายุรศาสตร์ 
Faculty of Medicine Siriraj Hospital

คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

            การใช้ยาอาจมีผลเสียต่อการทำงานของไต  และถ้าไม่อยากเป็นโรคไต ต้องใช้ยาด้วยความระมัดระวังและใช้อย่างถูกต้อง

            ปัจจุบันเราได้นำยาหลายชนิดมารักษาความเจ็บป่วย เพื่อให้มนุษย์เรามีอายุยืนยาว หรือคุณภาพ
ชีวิตดีขึ้น ยาบางชนิดแม้มีผลการรักษาที่ดีแต่ก็มีโทษต่อไต
 อย่างยาที่สามารถหาซื้อได้ง่ายและมีผลเสียต่อไตเป็นอย่างมาก เช่น ยาแก้ปวดลดการอักเสบกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ อย่าง ไอบูโพรเฟน ไดโคฟีแนค ซีลีคอกซิบ ยากลุ่มนี้มีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการบวม ความดันโลหิตสูงและไตทำงานลดลงด้วย ดังนั้นจึงควรใช้ยาในปริมาณน้อยที่สุดและใช้ในระยะเวลาสั้นที่สุด สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคไตอยู่แล้ว ควรเลี่ยงการใช้ยากลุ่มนี้

ส่วนยาในกลุ่มที่เป็นพืชสมุนไพร ซึ่งมีการโฆษณาอย่างแพร่หลายในปัจจุบันนั้น สารถตรวจพบผลข้างเคียงต่อไตจากการแพ้ยาได้เช่นกัน  อีกทั้งยาในกลุ่มนี้ยังขาดการตรวจสอบมาตรฐานการผลิต  ซึ่งอาจทำให้ส่วนประกอบสำคัญทางยาเปลี่ยนแปลงไป หรืออาจปนเปื้อนสารโลหะหนักที่เป็นพิษต่อไต  ดังนั้นเมื่อใช้ยากลุ่มนี้จึงควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง เพื่อจะได้ระมัดระวังถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้นได้

นอกจากนั้นยาบางชนิดที่สั่งจ่ายโดยแพทย์ ก็อาจมีผลต่อไตได้  เช่น ยาฆ่าเชื้อในกลุ่มเจนต้ามัยซิน อะมิเคซิน รวมทั้งสารทึบรังสีที่ต้องใช้ในการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ถ้าผู้ป่วยทราบว่าตัวเองเป็นโรคไต ควรแจ้งแพทย์ทุกครั้งที่เข้ารับการตรวจรักษา

อย่างไรก็ดี ไม่อยากให้กลัวการใช้ยาไปเสียทั้งหมด ยาที่ใช้ควบคุมความดันโลหิตสูงและเบาหวานให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ สามารถชะลอความเสื่อมของไตได้ ดังนั้นความเชื่อที่ว่า การรับประทานยามากทำให้ไตวาย ก็คงไม่ถูกเสียทั้งหมด มีวิธีสังเกตอาการผิดปกติที่พบได้เมื่อไตเสื่อมเรื้อรัง ได้แก่ ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน ปัสสาวะมีฟองมาก มีอาการบวมบริเวณหนังตาหรือเท้า และถ้าไตทำงานลดลงมาก อาจมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียนได้ หากมีอาการเหล่านี้ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจการทำงานของไต ซึ่งการตระหนักถึงการใช้ยาควบคู่ไปกับการตรวจคัดกรองโรคไตเป็นระยะๆ  จะช่วยให้ท่านห่างไกลโรคไตวายได้ครับ

 

เอกสารประกอบ

ดาวน์โหลด