27 มกราคม 2552
ต้อนรับผู้ได้รับพระราชทาน
รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ปี’ 51

 

รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล เป็นรางวัลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งขึ้น เพื่อถวายเป็นพระราชานุสรณ์แด่สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม  พระบรมราชชนก ในโอกาสจัดงานเฉลิมฉลอง 100 ปี แห่งการ
พระราชสมภพ 1 มกราคม 2535 โดยการดำเนินงานของมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์  ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธาน มอบรางวัลให้แก่บุคคลหรือองค์กรทั่วโลกที่มีผลงานดีเด่นเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ ทางด้านการแพทย์ 1 รางวัล และการสาธารณสุข 1 รางวัล เป็นประจำทุกปีตลอดมา ซึ่งมีผู้ที่ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี
2551 ดังนี้
 


 

                   สาขาการแพทย์ ศาสตราจารย์นายแพทย์ แซจิโอ เอ็นริเก้ เฟเรย์ร่า  (Professor Sergio Henrique Ferreira)  ศาสตราจารย์เกียรติคุณ  ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์เมืองริเบเรา เปรโต  มหาวิทยาลัยเซาเปาโล  ประเทศบราซิล

                   ศาสตราจารย์นายแพทย์ เฟเรย์ร่า  เป็นผู้ค้นพบโปรตีนเปปไทด์จากพิษงูชนิดหนึ่งของประเทศบราซิล  ซึ่งมีฤทธิ์ลดความดันโลหิตได้  นำไปสู่การศึกษาพัฒนายาในกลุ่ม ACEI  ซึ่งยาตัวแรกคือ Captopril  ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่ามีประสิทธิภาพในการ
ลดความดันโลหิตสูง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยเบาหวานที่มีความดันโลหิตสูงร่วมกับความเสื่อมของไต  สามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยจากภาวะหัวใจล้มเหลวได้มาก
 


 

                   สาขาการสาธารณสุข ศาสตราจารย์นายแพทย์มิชิอากิ  ทากาฮาชิ  (Professor  Michiaki  Takahashi)  ศาสตราจารย์เกียรติคุณและประธานกรรมการ มูลนิธิวิจัยโรคติดเชื้อ  มหาวิทยาลัยโอซาก้า  ประเทศญี่ปุ่น

                   ศาสตราจารย์นายแพทย์ทากาฮาชิ  ได้ศึกษาค้นคว้าวิจัยจนสามารถแยกเชื้อไวรัสจากโลหิตของเด็กชายอายุ 3 ขวบได้  ตั้งชื่อว่า
สายพันธ์โอกะ (
Oka) ตามชื่อของเด็กชายนั้น  นำไปผ่านขบวนการขยายพันธุ์ในเซลล์เพาะเลี้ยง  เพื่อให้อ่อนแรงลง  แต่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันป้องกันไข้สุกใสได้ดี  ได้มาตรฐานชีววัตถุตามข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก  เป็นที่ยอมรับและถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก เช่นประเทศญี่ปุ่น เกาหลี สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส  รวมทั้งประเทศไทยด้วย  ช่วยให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนนี้ เมื่อป่วยเป็นไข้สุกใส  จะไม่ค่อยมีไข้ ไม่ค่อยเกิดแผลเป็น  และหายป่วยเร็วกว่า  นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กที่ได้รับวัคซีนนี้  เมื่อมีอายุมากขึ้นจะมีอุบัติการณ์และความรุนแรงของโรคงูสวัดน้อยกว่าเด็กที่เป็นไข้สุกใสตามธรรมชาติ ในผู้ใหญ่อายุมากกว่า 60 ปี วัคซีนนี้สามารถป้องกันการเกิดโรคงูสวัด ลดอาการแทรกซ้อนและป้องกันการลุกลามของโรคได้  จึงมีความเป็นไปได้ที่วัคซีนนี้จะถูกนำมาใช้ป้องกันโรคงูสวัดในคนสูงอายุด้วย

 


 

                   สาขาการสาธารณสุข  ศาสตราจารย์นายแพทย์หยู หย่งซิน  (Professor  Yu  Yongxin) ผู้อำนวยการเกียรติคุณ  แผนกวัคซีนไวรัส  สถาบันควบคุมชีวเภสัชภัณฑ์แห่งชาติ  สาธารณรัฐประชาชนจีน   

                   ศาสตราจารย์นายแพทย์หยู  หย่งซิน  ใช้เวลากว่าสามทศวรรษในการศึกษาค้นคว้าและพัฒนาวัคซีนไข้สมองอักเสบ  (Japanese Encephalitis vaccine)  สายพันธุ์ SA 14-14-2  โดยผลิตจากเซลล์ไตของหนูแฮมสเตอร์  นำมาทดสอบในสัตว์ทดลองก่อนนำไปใช้ในคน พบว่ามีประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน  และมีความปลอดภัยสูงในการป้องกันโรคไข้สมองอักเสบในเด็กได้  ทางการสาธารณรัฐประชาชนจีนจึงได้นำวัคซีนไข้สมองอักเสบฉีดให้เด็กมากกว่า 200 ล้านคน  ตั้งแต่ปี พ.ศ.2531 เป็นต้นมา  และได้แพร่ขยายไปยังประเทศอินเดีย  เกาหลี  ศรีลังกา  และเนปาล  รวมทั้งประเทศไทยด้วยอีกหลายสิบล้านคน  ทำให้การแพร่ระบาดของโรคนี้ในทวีปเอเชียลดลงได้มาก   

                   โดยผู้รับรางวัลจะได้รับประกาศนียบัตร เหรียญรางวัล และเงินรางวัลมูลค่า 50,000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งพิธีมอบรางวัลฯ นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จฯ พระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท  โดยรางวัลดังกล่าวถือเป็นรางวัลระดับโลก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลเป็นผู้ริเริ่มเพื่อเฉลิมฉลองเกียรติในวโรกาสครบรอบ
100 ปี วันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระบรมราชชนก คณะฯ ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพ เชิญผู้รับพระราชทานรางวัลฯ มาเยือนและแสดงปาฐกถาเกียรติยศในผลงานที่ได้รับในวันอังคารที่ 27 มกราคม 2552  ณ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โดยมีกำหนดการ ดังนี้

             09.30 น.                 -   ผู้ได้รับรางวัลฯ เดินทางมาถึงโรงพยาบาลศิริราช โดยรถยนต์หลวง

                                            -   ผู้บริหารทางคณะฯ ให้การต้อนรับ ณ บริเวณหน้าตึกอำนวยการ

                                            -   ถวายบังคมพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก

                                            -   เยี่ยมชมห้องสมเด็จพระบรมราชชนก ตึกสยามินทร์ ชั้น 2

                                            -   ร่วมพบปะสื่อมวลชน ณ ห้องจุฬาภรณ์  ตึกสยามินทร์ ชั้น 2

             13.30 น.                 -   ขอเชิญฟังปาฐกถา  โดยผู้ได้รับรางวัลฯ ห้องอทิตยาทรกิติคุณ ชั้น 2